นายกีรติ อัสสกุล กรรมการผู้จัดการ บมจ.โอเชียนกลาส (OGC) กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทจะพยายามรักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 30% ถึงแม้ต้นทุนวัตถุดิบจะเพิ่มสูงขึ้น รวมถึงการแข็งค่าของเงินบาทที่กระทบกับรายได้จากการส่งออก โดยปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากการส่งออกสูงถึง 70% ของรายได้รวม ดังนั้น บริษัทจึงพยายามลดต้นทุนการผลิต และปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องจักรให้สูงขึ้น
"ปีนี้จะเป็นอีกปีที่ท้าทายบริษัทจากความผันผวนทั้งต้นทุนวัตถุดิบและอัตราแลกเปลี่ยนซึ่งที่ผ่านมา เราได้ปรับราคาขายสินค้าเมื่อต้นปี 7-10% จากต้นทุนปีก่อน 5-6% ส่วนในปีนี้จะพิจารณาปรับราคาขายหรือไม่ คงอยู่ที่อัตราแลกเปลี่ยนและราคาวัตถุดิบที่จะเปลี่ยนแปลงมากน้อยแค่ไหน"นายกีรติ กล่าว
นอกจากนั้น บริษัทยังมีแผนเจรจากับลูกค้าและญี่ปุ่นและออสเตรเลียที่จะเปลี่ยนไปตกลงซื้อขายกันเป็นเงินสกุลเยนและดอลลาร์ออสเตรเลีย แทนข้อตกลงเดิมที่เป็นดอลลาร์สหรัฐ เพื่อแก้ไขกระทบจากการแข็งค่าของเงินบาท แต่อย่างไรก็ตาม การปรับดังกล่าวคงจะไม่เห็นผลในเร็ว ๆ นี้ เพราะการตกลงออร์เดอร์มีการทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้าไว้แล้วบางส่วน
นายกีรติ กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ในปี 51 ว่าจเติบโตราว 10% จากปีก่อนที่มีรายได้ 1,675 ล้านบาท ซึ่งในปีนี้บริษัทมีภาระที่จะต้องลงทุนติดตั้งเครื่องจักรผลิตสินค้าใหม่ คือ แก้วคริสตัลปลอดสารตะกั่ว (Crystalline) ในโรงงานที่ 3 คาดว่าจะเติดตั้งเครื่องจักรแล้วเสร็จในไตรมาส 2/51 และสามารถออกผลิตภัณฑ์ดังกล่าวได้ในช่วงปลายไตรมาส 2/51 ถึงไตรมาส 3/51 โดยใช้เงินลงทุนทั้งหมด 990 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการกู้สถาบันการเงิน
บริษัทคาดว่าสินค้าใหม่ดังกล่าวจะมีอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน 11% และคืนทุนใน 8-9 ปี โดยจะเริ่มเห็นผลในแง่ของการสร้างรายได้ใน 2-3 ปีข้างหน้าในอัตรา 30% ของรายได้รวม อีกทั้งยังเป็นสินค้าที่มีมาร์จิ้นในอัตราที่สูงกว่าสินค้าปกติที่มีมาร์จิ้นเฉลี่ย 30% และส่วนหนึ่งเป็นการผลิตเพื่ทดแทนการนำเข้า หากในอนาคตโรงงานดังกล่าวมีความต้องการสูงก็อาจจะเพื่มเครื่องจักรเพื่อรองรับกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น
--อินโฟเควสท์ โดย จริญยา ดำสมาน/นิศารัตน์/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--