โบรกเกอร์ ส่วนใหญ่แนะนำ"ซื้อ" หุ้นบมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) รับปัจจัยบวกจากไทยเปิดประเทศเต็มรูปแบบในก.ค.65 ส่งผลนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาท่องเที่ยวไทยมากขึ้น และคาดพุ่งสูงในไตรมาส 4/65 ทั้งนี้ คาดในปี 65 จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามา 8-9 ล้านคน และเพิ่มเป็น 22-25 ล้านคนในปี 66 และจะกลับมาปกติในปี 67 นักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มเป็น 40 ล้านคนใกล้เคียงปี 62
ส่วนนักท่องเที่ยวจีนคาดว่าจะเริ่มเข้ามาในปี 66 และจะเข้ามาได้ตามปกติในปี 67 สอดคล้องกับภาพรวมธุรกิจการบินที่กลับมาเป็นปกติในปี 67
ทำให้ผลประกอบการ AOT ฟื้นตัว จากปี 65 ที่คาดขาดทุน 4.4 พันล้านบาท ถึง 1 หมื่นล้านบาท พลิกมามีกำไร 6.8 พันล้านบาท ถึง 1.2 หมื่นล้านบาท ในปี 66 และในปี 67 กำไรสุทธิเพิ่มเป็น 2.5-2.7 หมื่นล้านบาท ก็จะช่วยหนุนราคาหุ้น AOT
ราคาหุ้น AOT ปิดเที่ยงที่ 69.75 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท (+1.09%) ขณะที่ดัชนี SET บวก 0.47%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) เมย์แบงก์ ซื้อ 80.00 บัวหลวง ซื้อ 77.00 เคทีบีเอสที ซื้อ 76.00 หยวนต้า ซื้อ 75.00 เคจีไอ ซื้อ 73.00 โนมูระ พัฒนสิน NEUTRAL 67.00 นายปริญญ์ กิจจาทรพิทักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) กล่าวว่า จากการเปิดประเทศเต็มรูปแบบตั้งแต่ 1 ก.ค.65 หลังจากได้รับผลกระทบการแพร่ระบาดโควิด-19 โดยช่วงต้นปี 66 รับผลกระทบโควิดสายพันธุ์โอมิครอน โดยเคจีไอ ประเมินนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ปี 65 มีจำนวน 8 ล้านคน ในปี 66 จะเพิ่มเป็น 25 ล้านคน และในปี 67 จะกลับมาเต็มร้อยเท่ากับปี 62 ซึ่งเป็นช่วงก่อนโควิด จำนวน 40 ล้านคน ขณะที่ AOT มีความพร้อมอยู่แล้วเมื่อมีนักท่องเที่ยวต่างประเทศกลับมาจะเปลี่ยนจากขาดทุนเป็นกำไรได้เร็ว การเปิดประเทศเต็มรูปแบบจะทำให้โอกาสนักท่องเที่ยวต่างประเทศกลับมาเร็วขึ้น เป็นปัจจัยบวกต่อ AOT ได้อย่างชัดเจน โดยคาดการณ์ว่าในปี 66 AOT จะกลับมาพลิกมีกำไร 1.2 หมื่นล้านบาท จากปี 65 ที่คาดว่ายังขาดทุน 4,400 ล้านบาท นอกจากนี้การให้ความช่วยเหลือกับผู้เช่าพื้นที่ภายในสนามบินสิ้นสุดมี.ค.66 จะทำให้รายได้จาก Non-Aero กลับมา และในปี 67 คาดว่าจะมีกำไรกลับมาใกล้เคียงปี 62 ที่มีกำไรสุทธิ 2.5 หมื่นลื้านบาท ซึ่งเป็นปีที่ธุรกิจการบินจะกลับมาเป็นปกติ ขณะที่นักท่องเที่ยวจีน เคจีไอมองว่าจีนจะเปิดประเทศบางส่วน แนะนำ"ซื้อ" ราคาเป้าหมายปี 65 ที่ 73 บาท และกำลังปรับราคาเป้าหมายขึ้นในปี 66 บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า AOT ปรับลดคาดการณ์จำนวนผู้โดยสารลง 1-27% สำหรับปี 65-67 ในกลุ่มผู้โดยสารระหว่างประเทศ เนื่องจาก 1) Omicron กลับมาระบาดอีกในไตรมาส 2/65 (ปีปฏิทินไตรมาส 1/65) ส่งผลกระทบต่อการเดินทาง และ 2) จีนเปิดประเทศช้ากว่าที่คาด ซึ่ง AOT คาดว่าจะเกิดขึ้นในเดือน ม.ค. 66 (ก่อนหน้านี้คาดว่าช่วงปลายปี 65) เรามองว่าราคาหุ้นตอบรับ 2 ประเด็นนี้แล้ว และยังสอดคล้องกับสมมติฐานของเราที่คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยว 9 ล้านคนในปี 65 เพิ่มเป็น 22 ล้านในปี 66 และ 40 ล้านคนในปี 67 จึงคงคำแนะนำ "ซื้อ" และคงราคาเป้าหมายไว้ที่ 80 บาท AOT เป็น Top Pick ของเรา เนื่องจากเป็นผู้รับประโยชน์หลักจากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวของไทย สถานการณ์โควิดคลี่คลาย การเดินทางเพิ่มขึ้น ในเดือน เม.ย.65 นักท่องเที่ยวจากต่างประเทศมีจำนวนทั้งสิ้น 293,350 คน เพิ่มขึ้น 39% MoM จากการผ่อนคลายเกณฑ์การเข้าประเทศ (ยกเลิก PCR ฯลฯ) ตั้งแต่เดือนมี.ค.65 และช่วงหยุดยาวสงกรานต์ ในเดือน พ.ค. ตัวเลขแตะระดับ 476,171 คนเพิ่มขึ้น 62% MoM และตั้งแต่วันที่ 1-15 มิ.ย. มีนักท่องเที่ยวมาเยือนแล้ว 348,699 คน ซึ่งอาจนำไปสู่ยอดรวม 700,000 คนตลอดทั้งเดือน มิ.ย. (+47% MoM) เห็นว่าแผนปรับเป็นโรคประจำถิ่นในครึ่งปีหลังน่าจะช่วยเร่งการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะพุ่งสูงสุดในไตรมาส 4/65 และเราคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะแตะระดับอย่างน้อย 3 ล้านคนในไตรมาส 4/65 ทั้งนี้ เนื่องจาก AOT มีรายได้ค่าบริการผู้โดยสารขาออก 700 บาท/ครั้ง เทียบกับภายในประเทศเพียง 100 บาท การฟื้นตัวของผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศจึงเป็นปัจจัยหลักในการสร้างรายได้ในปี 66 ส่วนความขัดแย้งยูเครน-รัสเซียอาจมีผลกระทบจำกัด ในเดือนเม.ย. 65 นักท่องเที่ยวจากยุโรปคิดเป็น 39% ของจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งหมด 293,350 คน ประเทศต้นทางที่ใหญ่ที่สุดคือ สหราชอาณาจักร (29,647) ตามด้วยเยอรมนี (19,769) และฝรั่งเศส (14,132) แม้ว่ายุโรปอาจมีความท้าทายทางเศรษฐกิจในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจากสงครามยูเครน-รัสเซีย เราเชื่อว่าอุปสงค์ที่อั้นมานานในยุโรปจะยังคงแข็งแกร่งอยู่ โดยยอดจองห้องพักล่วงหน้าช่วงฤดูร้อน (มิ.ย.-ก.ค.) แตะระดับก่อนโควิด-19 แล้ว จากอัตราการฉีดวัคซีนของประเทศไทยที่ช้ากว่ายุโรป 3-6 เดือน (ในการฉีดวัคซีนครบเกือบ 100%) เราเชื่อว่าชาวยุโรปจะเริ่มเดินทางมาประเทศไทยตั้งแต่ 4/65 เป็นต้นไป บล.เคทีบีเอสที ระบุว่า AOT ปรับประมาณการจำนวนผู้โดยสารใหม่ ยังคงเห็นการฟื้นตัวชัดเจนปี 66-67 โดยจะลดลงจากประมาณการเดิมที่จัดทำในเดือน ต.ค.64 โดยประมาณการจำนวนผู้โดยสารใหม่เป็น ปี 65 (ต.ค.64-ก.ย.65) คาดการณ์จำนวนผู้โดยสารรวม 45.6 ล้านคน (+128% YoY) ลดลงจากเดิม -27% แบ่งเป็นจำนวนผู้โดยสารในประเทศ 33.1 ล้านคน (+74% YoY) และจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศ 12.5 ล้านคน (+1,217% YoY) ปี 66 (ต.ค.65-ก.ย.66) คาดการณ์จำนวนผู้โดยสารรวม 95.7 ล้านคน (+54% YoY) ลดลงจากเดิม -17% แบ่งเป็นจำนวนผู้โดยสารในประเทศ 47.2 ล้านคน (+32% YoY) และจำนวนผู้โดยสารระหว่างประเทศ 48.5 ล้านคน (+84% YoY) ในปี 67 (ต.ค.66 -ก.ย.67) คาดการณ์จำนวนผู้โดยสารรวม 141.5 ล้านคน (+22% YoY) ลดลงจากเดิม -1% แบ่งเป็นผู้โดยสารในประเทศ 56.6 ล้านคน (+13% YoY) และผู้โดยสารระหว่างประเทศ 84.9 ล้านคน (+29% YoY) โดย AOT ประเมินจำนวนผู้โดยสารในปี 66 จะกลับไปใกล้เคียงกับปี 62 ที่ก่อนเกิดโควิด-19 เคทีบีเอสทีมองเป็นกลาง โดย AOT ปรับจำนวนผู้โดยสารใหม่ ใกล้เคียงกับเราประเมินไว้ ทั้งนี้ AOT ได้มีการปรับประมาณการจำนวนผู้โดยสารใหม่ลดลง เนื่องจากประมาณการเดิมทำไว้ในเดือน ต.ค.64 ยังไม่ได้รวมผลกระทบจากการระบาดโควิด-19 สายพันธุ์ Omicron และจีนที่ยังคงนโยบาย Zero Covid ซึ่งเราประเมินว่าตลาดรับรู้ไปแล้ว สำหรับตัวเลขประมาณการจำนวนผู้โดยสารใหม่ของ AOT ยังคงมีแนวโน้มฟื้นตัวชัดเจน ปี 66-67 ตามเดิม โดยตัวเลขยังใกลัเคียงที่เราประเมินไว้ในปี 65-67 ที่ 45 ล้านคน (+125% YoY), 90 ล้านคน (+97% YoY) และ 135 ล้านคน (+41% YoY) ตามลำดับ สำหรับผลการดำเนินงานในปี 65-67 เราประเมินที่ -1.0 หมื่นล้านบาท, +6.8 พันล้านบาท, +2.7 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ คงคำแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 76.00 บาท อิงวิธี DCF (WACC = 7%, terminal growth = 3.5%) ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นและ outperform SET +14% ในช่วง 3 เดือน จากการผ่อนคลายการเปิดประเทศ ซึ่ง AOT จะได้ประโยชน์โดยตรงจากการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว ทำให้ผู้โดยสารกลับมาปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะผู้โดยสารระหว่างประเทศ ส่งผลให้ผลการดำเนินงานจะเร่งปรับตัวดีขึ้นใน ครึ่งหลังปี 65 และจะพลิกเป็นกำไรได้ในปี 66 ซึ่งจะเป็นปัจจัยช่วยหนุนราคาหุ้นให้ปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ต่อเนื่อง