DTCENT เตรียมพร้อมขาย IPO 305 ล้านหุ้น-เข้า SET ในปีนี้หลังนับหนึ่งไฟลิ่ง

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday June 27, 2022 11:40 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

DTCENT เตรียมพร้อมขาย IPO 305 ล้านหุ้น-เข้า SET ในปีนี้หลังนับหนึ่งไฟลิ่ง

นายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บมจ.ดี.ที.ซี.เอ็นเตอร์ไพรส์ (DTCENT) เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้นับหนึ่งแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (ไฟลิ่ง) ของ DTCENT ในวันที่ 24 มิ.ย.65 ที่ผ่านมา

DTCENT มีแผนเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 305 ล้านหุ้น โดยเป็นการเพิ่มทุนจาก 900 ล้านหุ้น เป็น 1,205 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 0.50 บาทต่อหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 25.31% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมด ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะเสนอขายหุ้นไอพีโอและเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) ได้ภายในปี 65 ในหมวดธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ICT)

บริษัทประกอบธุรกิจเป็นผู้ออกแบบ ผลิต จัดจำหน่าย และให้บริการเช่าอุปกรณ์ติดตามยานพาหนะด้วยดาวเทียม (GPS Tracking) รวมถึง ระบบเทเลเมติกส์สำหรับยานพาหนะและซอฟต์แวร์สำหรับบริหารงานขนส่งอย่างครบวงจร นอกจากนี้ บริษัทยังมีการพัฒนาโครงการไอโอทีโซลูชั่น (IoT Solution) ที่หลากหลายให้แก่ลูกค้าทั้งในภาครัฐบาล และในภาคเอกชน

ทั้งนี้ DTCENT มีบริษัทย่อยจำนวน 3 บริษัท ได้แก่ บริษัท วิศวกรรม ซอฟต์แวร์ จำกัด (WS) บริษัท ไทย ดิจิทัลแมพ จำกัด (TDM) และบริษัท ดี คอร์ ซิสเต็ม อินทิเกรเตอร์ จำกัด (DCORE) โดยบริษัทฯ ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 90.00 ร้อยละ 95.00 และ ร้อยละ 90.00 ตามลำดับ

นายทศพล คุณะเพิ่มศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ DTCENT เปิดเผยว่า เงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้จะนำไปใช้ในการลงทุนสร้างศูนย์บริหารจัดการและบริการข้อมูลยานพาหนะ (Vehicle Monitoring and Support Center) และเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบกิจการ รองรับแผนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมของรัฐบาล ซึ่งจะช่วยสนับสนุนธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต

ปัจจุบัน บริษัทเป็นผู้นำในกลุ่มผู้ประกอบธุรกิจให้บริการระบบติดตามยานพาหนะด้วยดาวเทียม GPS โดยมีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 1 ในประเทศไทย (อ้างอิงจากข้อมูลกรมการขนส่งทางบกในเดือน ม.ค.65) ด้วยประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจ ความสามารถ และความพร้อมของบุคลากรในการขยายหรือพัฒนาธุรกิจ ทำให้บริษัทได้รับความเชื่อมั่นจากพันธมิตรขนาดใหญ่ทั้งในและต่างประเทศ ที่ต้องการเข้ามาเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ (Strategic Partner) เพื่อขยายธุรกิจและเติบโตไปด้วยกัน ได้แก่ บริษัท ยาซากิ เอ็นเนอร์จี ซิสเท็ม คอร์ปอเรชั่น (YES) และบริษัท บุญรอด ซัพพลายเชน จำกัด (BRS)

โดยในความร่วมมือกับ YES ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในการให้บริการ และมีความสัมพันธ์อันดีกับผู้ประกอบการผลิตและจำหน่ายรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่น จะช่วยส่งเสริมให้กลุ่มบริษัทได้รับโอกาสในการขยายตลาดไปสู่ลูกค้ากลุ่มดังกล่าวมากยิ่งขึ้น โดยมีการเตรียมความพร้อมที่จะผลักดันให้บริษัทเป็น Tier 1 Supplier ในงาน OEM สำหรับอุปกรณ์ GPS Tracking และ Telematics ให้กับบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำ สำหรับการร่วมมือเป็นพันธมิตรกับ BRS จะทำให้เพิ่มศักยภาพให้แก่บริษัทในด้านการวิเคราะห์ข้อมูล (Data Analytics) และพัฒนาผลิตภัณฑ์ Supply Chain Solutions ใหม่ๆ เพื่อช่วยลดต้นทุนและเสริมประสิทธิภาพในการทำงานให้แก่กลุ่มผู้ประกอบการโลจิสติกส์

นอกจากธุรกิจ GPS Tracking แล้วกลุ่มบริษัทฯ มีแผนในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นใหม่ที่ต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อเป็นระบบอัจฉริยะในกลุ่มงาน IoT อันประกอบด้วย ระบบบริหารจัดการน้ำ, ระบบ SMART CITY SOLUTION หรือระบบบริหารการจัดการองค์กรส่วนท้องถิ่น, BAMS (Business Activity Management System), BIM (Building Information Modeling), EV Platform, Logistics Demand-Supply Matching Platform และระบบ AI สำหรับงาน IoT

สำหรับผลการดำเนินงานย้อนหลังในปี 62-64 และงวด 3 เดือนปี 65 กลุ่มบริษัทมีรายได้รวมเท่ากับ 810.94 ล้านบาท 639.38 ล้านบาท 591.53 ล้านบาท และ 156.23 ล้านบาท ตามลำดับ โดยรายได้หลักของบริษัทมาจากรายได้จากการให้บริการใช้ระบบติดตามยานพาหนะ โดยเติบโตสอดคล้องกับจำนวนฐานลูกค้าที่ใช้บริการอุปกรณ์ติดตามยาพาหนะ (GPS Tracking) ในส่วนของกำไรสุทธิเท่ากับ 166.49 ล้านบาท 109.12 ล้านบาท 77.24 ล้านบาท และ 13.18 ล้านบาท ตามลำดับ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ