โบรกเกอร์ ส่วนใหญ่แนะนำ"ซื้อ" หุ้น บมจ.ธนพิริยะ (TNP) มองผลประกอบการไตรมาส 2/65 ฟื้นตัวหลังโควิด-19 คลี่คลายหนุนเศรษฐกิจฟื้นตัว ส่งผลให้ยอดขายจากสาขาเดิมกลับมาเติบโต (SSSG) ในขณะเดียวกันยังทยอยเดินหน้าเปิดสาขาใหม่ 2 สาขาต่อไตรมาส ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2/65 ตามแผน
นอกจากนี้ยังได้ดำเนินแผนการขยายช่องทางการจำหน่ายสินค้าผ่านระบบออนไลน์ทั้งในแพลตฟอร์ม Lazada และ Shopee ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2/65 ที่จะมาช่วยชดเชยรายได้บางส่วนที่หายไปจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ พร้อมกันนี้ยังได้มีการปรับ Product mix และเน้นการเพิ่มการจำหน่ายสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูง รวมไปถึงการบริหารจัดการต้นทุนสินค้าที่มีประสิทธภาพมากยิ่งขึ้น จะเข้ามาช่วยหนุนภาพรวมอัตรากำไรขั้นต้นในช่วงไตรมาส 2/65 ปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้คาดว่าผลประกอบการจะกลับมาเติบโตได้ 19% ในปี 66 ซึ่งอัตรากำไรขั้นต้นในช่วงไตรมาส 1/65 ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงไตรมาส 1/64 เป็นการยืนยันถึงประสิทธิภาพของผู้บริหาร และการคัดเลือกสินค้า รวมถึงอานิสงส์จากการประหยัดต่อขนาดด้วย
ราคาหุ้น TNP ปิดเที่ยงที่ 4.10 บาท เพิ่มขึ้น 0.06 บาท (+1.49 %) ขณะที่ดัชนี SET บวก 0.50%
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น) โกลเบล็ก ซื้อ 5.80 เคทีบีเอสที ซื้อ 6.40 เคจีไอ ซื้อ 5.80 จีเอ็มโอ-แซด คอม ถือ 4.40 นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายกลยุทธ์ลงทุนหลักทรัพย์ บล.เคทีบีเอสที (KTBST) เปิดเผยว่า ทิศทางผลประกอบการในช่วงไตรมาส 2/65 จะสามารถฟื้นตัวได้หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คลี่คลาย และภาพรวมเศรษฐกิจเริ่มกลับมาฟื้นตัว ส่งผลให้ยอดขายจากสาขาเดิมกลับมาเติบโต (SSSG) พร้อมกันนี้บริษัทยังได้เดินหน้าขยายสาขาใหม่ตามแผนที่ 6 สาขา ที่จะทยอยเปิดตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2/65 เป็นต้นไป นอกจากนี้บริษัทยังได้ขยายช่องทางจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์เพิ่มเติม ทั้งในแพลตฟอร์ม Lazada และ Shopee ตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2/65 ในขณะเดียวกันบริษัทยังได้มีการปรับ Product mix และเน้นการเพิ่มการจำหน่ายสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูง รวมไปถึงการบริหารจัดการต้นทุนสินค้าที่มีประสิทธภาพมากยิ่งขึ้น จะเข้ามาช่วยหนุนภาพรวมอัตรากำไรขั้นต้นในช่วงไตรมาส 2/65 ปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ยังคงประมาณการกำไรสุทธิปีนี้ที่ 208 ล้านบาท หรือเติบโต 9% ตามการเติบโตของรายได้ปี 65 ที่ 10% จากปี 64 โดยจะได้รับปัจจัยสนุบสนุนจาก SSSG ที่เติบโตราว 1% และการขยายสาขาใหม่ 6 สาขาตามแผน รวมถึงแผนการขยายช่องทางการจำหน่ายสินค้าผ่านแพลตฟอร์มออกไลน์เพิ่มเติม บล.โกลเบล็ก ระบุในบทวิเหคราะห์ ว่า ยังคงคำแนะนำ "ซื้อ" เนื่องจากราคายังคงมีอัพไซต์จากราคาปัจจุบัน ในขณะเดียวกันยังคงแผนการขยายสาขาใหม่ปีนี้อีก 6 สาขา ซึ่งจะหนุนให้สาขารวมของบริษัทเพิ่มเป็น 44 สาขา โดยจะทยอยเปิด 2 สาขาต่อไตรมาส พร้อมกันนี้บริษัทยังมีแผนการขยายช่องทางการจำหน่ายสินค้าใหม่ในแพลตฟอร์ม Lazada จะมาช่วยชดเชยรายได้บางส่วนที่หายไปจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่อย่างไรก็ตามได้มีการปรับประมาณการกำไรสุทธิปีนี้ลงเหลือ 168 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน 12% หลังไตรมาส 1/65 รายงานรายได้และกำไรสุทธิต่ำกว่าคาดการณ์ 14-28% ตามลำดับ เนื่องจากฐานที่สูงในปีก่อน โดยช่วงไตรมาส 1/64 จะเป็นช่วงที่มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจมากสุด และทยอยลดลงในไตรมาสที่เหลือของปี 64 ด้าน บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า มองผลประกอบการจะกลับไปเติบโตได้ถึง 19% ในปี 66 โดยอัตรากำไรขั้นต้นในช่วงไตรมาส 1/65 ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงไตรมาส 1/64 เป็นการยืนยันถึงประสิทธิภาพของผู้บริหาร และการคัดเลือกสินค้า รวมถึงอานิสงส์จากการประหยัดต่อขนาดด้วย แต่อย่างไรก็ตามได้ปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 65 ลง 11% หลังผลประกอบการในช่วงไตรมาส 1/65 ต่ำเกินคาด และกำลังซื้อของประชาชนมีแนวโน้มจะอ่อนลงจากเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา โดยยังคงต้องติดตามความเสี่ยงจากการแข่งขันที่รุนแรงมากยิ่งขึ้นด้วย