นายพีระพงษ์ กิติเวชโภคาวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บิวตี้ คอมมูนิตี้ (BEAUTY) เปิดเผยว่า บริษัทฯ คาดแนวโน้มธุรกิจครึ่งปีหลังนี้เติบโตดีกว่าครึ่งปีแรก จากยอดขายฟื้นตัวทั้งในและต่างประเทศ จากการปรับเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจทั้งในส่วนของรูปแบบสินค้า และช่องทางการจำหน่ายใหม่
โดยตลาดในประเทศ ยอดขายฟื้นตัวดีจากกลยุทธ์ Re Model เพิ่มช่องทางจำหน่ายหลักจากร้าน BEAUTY BUFFET เป็นการปรับรูปแบบสินค้าให้เข้าถึงง่าย กระจายสู่ตลาดแมสในพื้นที่ทั่วประเทศมากขึ้น ขณะที่มีการเปลี่ยนโฉมร้าน BEAUTY BUFFET ครั้งใหญ่ ให้มีความทันสมัย เป็น Professional ด้านผลิตภัณฑ์ การแนะนำ เกี่ยวกับความงามอย่างครบวงจร ได้รับการตอบรับที่ดี และเข้าถึงกลุ่มลูกค้าได้หลากหลายขึ้น ส่งผลให้ยอดขายสาขาที่ปรับปรุงแล้ว จำนวน 3 แห่ง เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทมีแผนปรับปรุงช่องทางจำหน่าย ประกอบด้วย ปรับปรุงสาขา BEAUTY BUFFET ในพื้นที่ต่างๆ เพิ่ม 16 แห่ง เปิดโมเดล Shop License เป็นร้าน Stand alone แห่งแรกในซอยอารีย์สัมพันธ์ และมีแผนแต่งตั้งตัวแทน Shop License ไม่ต่ำกว่า 5 ราย และเตรียมเปิดจุดจำหน่ายเครื่องสำอางแบรนด์ GINO McCRAY รวม 3-4 แห่งใน ร้านค้าพันธมิตร EVEANDBOY พร้อมเปิดตัว Brand Ambassador สำหรับสินค้า GINO McCRAY ภายในเดือน ก.ค.65 นี้
ส่วนช่องทางตลาดต่างประเทศ ยอดขายชะลอลงในช่วงไตรมาส 2 จากการล็อกดาวน์ในประเทศจีน ซึ่งเป็นตลาดหลักในการส่งออกของบริษัท อย่างไรก็ตามในช่วงเดือน มิ.ย. เริ่มมีออร์เดอร์กลับเข้ามา โดยคาดการณ์ช่วงครึ่งปีหลัง ยอดขายทยอยฟื้นตัวต่อเนื่องจากการเปิดประเทศ ทำให้สามารถขนส่งสินค้าได้ปกติ
ปัจจุบันบริษัทมีสินค้าวางจำหน่ายใน 10 ประเทศ (จีน อินโดนีเซีย กัมพูชา พม่า ลาว มาลเซีย บรูไน ฟิลิปปินส์ อินเดีย ญี่ปุ่น) มุ่งเน้นกระจายสินค้าเข้าสู่พื้นที่ต่างๆของแต่ละประเทศ และทำการตลาดให้ผลิตภัณฑ์เป็นที่รู้จักในวงกว้างร่วมกับตัวแทนจำหน่ายมากขึ้น ขณะที่โมเดลการขายแบบ Product License ในประเทศจีน ซึ่งเป็นตลาดหลักของ BEAUTY ปัจจุบันมีสินค้าทั้งสกินแคร์และเมคอัพ ที่ตัวแทนนำไปผลิตและจำหน่ายรวม 27 รายการจากสิ้นปีที่แล้วมี 18 รายการ และมีแผนเพิ่มจำนวนรายการสินค้า Product License อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ BEAUTY ยังมุ่งเน้นเพิ่มความสามารถการทำกำไร ลดค่าใช้จ่ายในการบริหารอย่างต่อเนื่อง โดยยังสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายได้ในเกณฑ์ดี แม้ในช่วงที่ผ่านมาจะต้องเริ่มโมเดลธุรกิจใหม่เกือบทั้งหมด และมีค่าใช้จ่ายด้านการตลาดเพิ่มขึ้น