นางกนกทิพย์ จันทร์พลังศรี ประธานคณะกรรมการบริหาร บมจ.ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง (TPCH) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่า ยังมีทิศทางที่ดี เนื่องจากบริษัทเตรียมจะ COD โรงไฟฟ้าประชารัฐชีวมวล แม่ลาน กำลังการผลิตรับซื้อไม่เกิน 2.85 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าประชารัฐชีวมวล บันนังสตา กำลังการผลิตรับซื้อไม่เกิน 2.85 เมกะวัตต์ ซึ่งขณะนี้มีความคืบหน้าในการก่อสร้างประมาณ 68% คาดว่าจะสามารถ COD ได้ภายในปีนี้
รวมทั้ง บริษัททยอยรับรู้รายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ของโครงการโรงไฟฟ้า รวม 11 แห่ง ประกอบด้วย โครงการโรงไฟฟ้าชีวมวล CRB, MWE, MGP, TSG, PGP, SGP , PTG ,TPCH 5 , TPCH 1 ,TPCH 2 และโรงไฟฟ้าขยะ SP มีกำลังการผลิตรวม 116.3 เมกะวัตต์
"บริษัทมีความพร้อมที่จะ COD โรงไฟฟ้าประชารัฐชีวมวลเพิ่มอีก 2 แห่ง ซึ่งขณะนี้กำลังเร่งดำเนินการก่อสร้าง เพื่อเป้าหมายการมีกำลังการผลิตรวมที่ 122 เมกะวัตต์ จากเดิมที่มีกำลังการผลิตรวม 116.3 เมกะวัตต์ นอกจากนี้ โครงการที่อยู่ระหว่างการปรับจูนเครื่องจักรก็มีความสามารถผลิตไฟฟ้าได้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมั่นใจว่า จะเป็นส่วนช่วยในการสนับสนุนให้ผลงานในปีนี้เติบโตที่ระดับ 30-40% จากปีก่อน" นางกนกทิพย์ กล่าว
ด้านนายเชิดศักดิ์ วัฒนวิจิตรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ TPCH กล่าวว่า บริษัทมีเป้าหมายการมีกำลังการผลิตรวม 250 เมกะวัตต์ แบ่งออกเป็น โรงไฟฟ้าประเภทเชื้อเพลิงชีวมวล ชีวภาพ ขนาด 200 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าประเภทเชื้อเพลิงขยะ 50 เมกะวัตต์ ภายในปี 2566 พร้อมทั้ง มุ่งพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าขยะอีกประมาณ 4-6 แห่ง ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าขนาดเล็กมาก (VSPP) คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในปีนี้ประมาณ 1-2 โครงการ
นอกจากนี้ TPCH ยังให้ความสำคัญในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก จึงได้ดำเนินการ Carbon Creditในรูปแบบของ I-REC (International Renewable Energy Certificate) และในรูปแบบของ T-VER (Thailand Voluntary Emission Reduction Program) ซึ่งเป็นการขอรับรองเครดิตการผลิตไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนและนำ Carbon Credit มาขายเพื่อให้เกิดรายได้ในปีนี้ โดยคาดว่า จะสามารถนำโรงไฟฟ้ารวม 8 แห่ง เข้าร่วมโครงการได้ภายในปี 65
ขณะเดียวกัน บริษัทได้มีการศึกษาและเตรียมความพร้อมในการเข้าประมูลโครงการพลังงานทดแทนจากเชื้อเพลิง ชีวมวล ชีวภาพ ซึ่งคาดว่าภาครัฐจะเปิดรับซื้อภายในปีนี้ พร้อมทั้ง มีการศึกษาเพื่อพัฒนาและเข้าซื้อกิจการพลังงานทดแทนอีกหลายแห่งทั้งในประเทศและต่างประเทศ อีกทั้ง ยังศึกษาธุรกิจที่สามารถต่อยอดจากโครงการพลังงานทดแทน เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีขึ้นให้กับผู้ถือหุ้นและบริษัทฯได้ในอนาคต