นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บมจ. ท่าอากาศยานไทย (AOT) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า จากกรณีที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด - 19 คลี่คลาย หลายประเทศทั่วโลกเริ่มผ่อนปรนให้สามารถกลับมาเดินทางได้ตามปกติ ทำให้ปัจจุบันปริมาณจราจรทางอากาศทั้งเที่ยวบินและผู้โดยสารเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ธุรกิจการบินปรับตัวไม่ทันเกิดปัญหาการขาดแคลนแรงงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่าอากาศยานใหญ่ๆ ในทวีปยุโรปประสบปัญหาด้านการบริหารจัดการส่งผลกระทบให้เกิดเที่ยวบินล่าช้าและมีสัมภาระตกค้างบางส่วน นั้น
นายกิตติพงศ์ กล่าวต่อไปว่า ขณะนี้ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) พบปัญหาสัมภาระจากเที่ยวบินเปลี่ยนลำตกค้างบางส่วน แต่ยังคงสามารถบริหารจัดการได้ ด้วยการจัดเตรียมพื้นที่รองรับการจัดเก็บสัมภาระของผู้โดยสารเพื่อรอสายการบินนำส่งให้ผู้โดยสาร ซึ่งสาเหตุหลักเกิดจากเที่ยวบินต้นทางบางเที่ยวบินที่มาจากยุโรปมาถึง ทสภ.ล่าช้า ทำให้ไม่สามารถขนถ่ายสัมภาระที่ต้องเปลี่ยนลำได้ทันเที่ยวบินที่จะต้องเดินทางต่อ
ปัญหาที่เกิดขึ้น ทสภ.ได้เร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าวโดยประสานผู้ให้บริการภาคพื้นทั้ง บมจ. การบินไทย (THAI) และ บริษัท บริการภาคพื้นการบินกรุงเทพเวิลด์ไวด์ไฟล์ทเซอร์วิส จำกัด (BFS) ให้ดำเนินการขนถ่ายสัมภาระให้ทันเวลาหรือหากไม่ทันขอให้เร่งส่งสัมภาระไปยังเที่ยวบินถัดไปโดยเร็วที่สุด
ทั้งนี้ ทสภ. พร้อมร่วมมือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้รักษาคุณภาพการให้บริการให้เป็นมาตรฐานสากลต่อไป