นางสาวพราวพุทธ ลิปตพัลลภ กรรมการ บมจ.พราว เรียล เอสเตท (PROUD) เปิดเผยว่า บริษัทเปิดโครงการใหม่ คือ โครงการเวหา เป็นคอนโดมิเนียมลักชัวรี่บนทำเลศักยภาพในหัวหิน ติดกับโรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ รีสอร์ท วานา นาวา หัวหิน มูลค่าโครงการราว 2.29 พันล้านบาท บนที่ดินพื้นที่ 5 ไร่ จำนวน 364 ยูนิต ราคาขายเริ่มต้น 3.19 ล้านบาทสำหรับห้องขนาดเริ่มต้น 28 ตารางเมตร โดยราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ราว 135,000 บาท/ตารางเมตร ชูจุดเด่นทุกห้องหันหน้าเข้าหาวิวทะเล และราคาขายคุ้มค่ากว่าโครงการใกล้เคียงวิวหันเข้าหาทะเลที่มีราคาขายเฉลี่ยสูงกว่า 275,000 บาท/ตารางเมตร
โครงการคอนโดมิเนียม เวหา จะเริ่มเปิดขายในช่วงเดือนก.ค.65 ซึ่งบริษัทได้ตั้งเป้ายอดขายภายในสิ้นปีนี้ไว้ที่ 50% โดยเจาะกลุ่มลูกค้าชาวไทยเป็นหลักราว 80% และส่วนที่เหลืออีก 20% เป็นกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติ โดยปัจจุบันพบว่ากลุ่มลูกค้าลูกค้ารัสเซียให้ความสนใจเข้ามาซื้อโครงการเป็นจำนวนมาก และคาดว่าในช่วงปลายปีนี้จะมีกลุ่มลูกค้าชาวจีนที่เข้ามาซื้อเพิ่มเติม หากจีนประกาศเปิดประเทศเต็มรูปแบบ รวมถึงกลุ่มลูกค้าโซนสแกนดิเนเวียที่นิยมมาซื้อที่อยู่อาศัยในหัวหินหลังจากเกษียณ
นางสาวพราวพุทธ กล่าวว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในหัวหินมองว่ายังมีศักยภาพอยู่มาก เนื่องจากที่อยู่อาศัยในจุดใกล้กับเมืองหัวหินยังมีปริมาณซัพพลายอยู่น้อยมาก และในช่วงที่ผ่านมาแทบไม่มีการเปิดโครงการใหม่ออกมา ต่างจากโซนที่ไกลออกไป เช่น ทำเลชะอำที่มีปริมาณซัพพลายค่อนข้างมาก โดยเฉพาะคอนโดมิเนียม
ขณะที่ทำเลโซนใกล้เมืองหัวหินถือว่ายังมีศักยภาพมาก เพราะมีสิ่งอำนวยความสะดวก และสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆรายล้อม ทำให้เป็นทำเลที่มีความน่าสนใจเหมาะแก่เลือกเป็นที่อยู่อาศัยตากอากาศหรือบ้านหลังที่ 2 บริษัทจึงมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า ซึ่งโครงการ เวหา จะเริ่มก่อสร้างในไตรมาส 4/65 และคาดว่าก่อสร้างแล้วเสร็จและเริ่มทยอยโอนในช่วงไตรมาส 1/68 หรือไตรมาส 2/68
บริษัทยังอยู่ระหว่างศึกษาการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง โดยมองว่าหลังจากที่ปัจจัยจากโควิด-19 คลี่คลายลง มีการกลับมาเปิดเมือง เปิดประเทศ ทำให้เศรษฐกิจกลับฟื้นตัว และชาวต่างชาติก็จะกลับเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้น ซึ่งบริษัทยังคงมองหาการลงทุนพัฒนาโครงการใหม่เน้นประเภทที่อยู่อาศัยเป็นหลัก โดยศึกษาทำเลที่มีศักยภาพต่างๆ ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด
ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทยังคงมีแผนเปิดโครงการใหม่ในกรุงเทพฯอีก 1 โครงการ เพราะมองว่ายังคงมีศักยภาพที่ดีในการพัฒนาที่อยู่อาศัย และมีความต้องการซื้ออย่างต่อเนื่อง และทำเลในเมืองยังมีคนสนใจเลือกมองหาที่อยู่อาศัย และเป็นจังหวะที่ดีในการที่บริษัทจะเข้าไปพัฒนาโครงการในกรุงเทพฯ หลังจากประสบความสำเร็จจากการพัฒนาคอนโดมิเนียมโฟกัส เพลินจิต ไปก่อนหน้านี้
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในปีนี้มองว่าจะฟื้นตัวขึ้น จากการโอนโครงการ Intercontinental Residences Huahin มูลค่ากว่า 3.6 พันล้านบาท ซึ่งมียอดขาย 95% เริ่มทยอยโอนเข้ามาตั้งแต่ปลายเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งจะเป็นรายได้หลักเข้ามาให้กับบริษัทในปีนี้ ทำให้ผลการดำเนินงานฟื้นตัว และบริษัทยังคงมองหาแนวทางในการรักษาผลการดำเนินงานที่ดีอย่างต่อเนื่อง โดยการวางแผนเปิดโครงการใหม่ๆ เฉลี่ยปีละ 2 โครงการ มูลค่าโครงการละ 2 พันล้านบาท
"เราพยายามมองหาโอกาสใหม่ๆในการลงทุนพัฒนาโครงการ เพื่อทำให้รายได้เรามีเข้ามาต่อเนื่อง ซึ่งทำเลใดก็ตามที่มีศักยภาพเราก็สนใจเข้าไปพัฒนาทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด เพื่อทำให้ในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า บริษัทจะกลับมามีกำไรที่แข็งแกร่งต่อเนื่องได้" นางสาวพราวพุทธ กล่าว