HILITE: TU ลบ 4.22% โบรกฯคาด Q2/65 กำไรหดรับผล Red lobster-ค่าใช้จ่ายปิดรง.เยอรมัน

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday July 4, 2022 10:53 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

หุ้น TU ปรับลง 4.22% หรือลดลง 0.70 บาท มาที่ 15.90 บาท มูลค่าซื้อขาย 388.00 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.37 น. โดยราคาเปิด 16.40 บาท ราคาสูงสุด 16.40 บาท และราคาต่ำสุด 15.90 บาท

บทวิเคราะห์ บล.เคทีบีเอสที ระบุว่า ปรับราคาเป้าหมายหุ้น บมจ. ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป (TU) ลงมาเป็น 16.40 บาท จากเดิม 16.70 บาท โดยได้รับแรงกดดันผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/65 คาดว่าจะปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า และช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากค่าใช้จ่ายพิเศษการเปลี่ยนแปลงมูลค่า fair value ของ Red lobster (RL)

โดย preferred share ใน RL จำนวน -600 ล้านบาท (ปกติจะ gain ไตรมาสละ +300 ล้านบาท) (non-cash item) เป็นผลจากการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯทำให้มีการเปลี่ยนแปลงของการตีมูลค่า และ RL ยังถูกกดดันจากต้นทุนวัตถุดิบและค่าแรงที่สูงขึ้น จากการจ้างพนักงานเข้ามาเพิ่มหลัง covid-19 แต่จำนวนลูกค้ายังไม่กลับมาเป็นปกติ

รวมถึงยังมีแรงกดดันจากต้นทุนที่สูงขึ้นและค่าใช้จ่ายจากการปิดโรงงานในเยอรมัน 200-300 ล้านบาทเข้ามากดดัน ทำให้กระทบประมาณการกำไรสุทธิของ TU ในปี 65 ที่ KTBST ปรับประมาณการลดลง 10%

นอกจากนี้ ราคาหุ้นยังคง Underperform ตลาดอยู่ราว 5% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา รับผลต้นทุนปลาทูน่าที่อยู่ในระดับสูง และแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 2/65 ที่มีโอกาสลดลง พร้อมให้คำแนะนำ "ขาย" หลังมองราคามี upside จำกัด

ขณะที่ บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ ปรับเป้าหมายหุ้น TU ในปี 65 จาก 19.60 บาท เป็น 18.00 บาท โดยเพิ่มเป้าการเติบโตของยอดขายเป็น 7-8% จากเดิม 4-5% แต่ปรับลดอัตรากำไรขั้นต้นลงเป็น 17.5-18% จาก 18-18.5% ขณะที่สัดส่วนค่าใช้จ่ายต่อยอดขาย ปรับลงเป็น 12.0-12.5% จาก 12.0-13.0% เพื่อสะท้อนอุปสงค์ที่แข็งแกร่ง ค่าเงินบาทอ่อนค่า และต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นจากเงินเฟ้อ ประกอบกับมีรายการพิเศษ โดยรวมแล้วเราจึงปรับลดประมาณการกำไรปี 65 ลง 5%

กำไรสุทธิ Q2/65 คาดว่าจะลดลง 16% QoQ และ 38% YoY เป็น 1.46 พันล้านบาท เนื่องจากบันทึกขาดทุนราว 250 ล้านบาทจากการปิดโรงงานในเยอรมัน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการปรับโครงสร้างภายใน ขณะที่ Red Lobster มีแนวโน้มที่จะบันทึกขาดทุน 600 ล้านบาทจากการปรับมูลค่ายุติธรรมของหุ้นบุริมสิทธิ

หากไม่รวมรายการพิเศษดังกล่าวและกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน เราคาดว่า TU จะมีกำไรปกติ 1.81 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% QoQ แต่ลดลง 19% YoY ทั้งนี้ จากอุปสงค์ที่แข็งแกร่ง ราคาขายที่เพิ่มขึ้นและค่าเงินบาทอ่อนค่า ยอดขายอาหารทะเลแปรรูป และอาหารสัตว์เลี้ยง&ผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่ม มีแนวโน้มยังคงแข็งแกร่ง แต่ยอดขายอาหารทะเลแช่แข็งน่าจะลดลงจากฐานสูงในปีที่แล้ว เนื่องจากสหรัฐฯ เปิดเมือง อัตรากำไรขั้นต้นคาดว่าจะลดลง 144 bps YoY เป็น 17.5% จากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากเงินเฟ้อ คาดเงินปันผล H1/65 ที่ 0.45 บาท/หุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทนครึ่งปีที่ 2.7%

ยอดขาย TU แข็งแกร่ง แต่ Red Lobster ยังลำบาก ยอดขายมีแนวโน้มที่จะยังคงแข็งแกร่งในครึ่งหลังของปีนี้ เนื่องจากความต้องการผลิตภัณฑ์อาหารทะเลแปรรูปและผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงที่ดีต่อเนื่อง ประกอบกับการปรับราคาขายเพื่อสะท้อนต้นทุนที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ราคาวัตถุดิบปลาทูน่าและปลาแซลมอนมีแนวโน้มทรงตัวในระดับสูง ส่วนผลการดำเนินงานของ Red Lobster ยังคงอยู่ภายใต้แรงกดดันจากค่าใช้จ่ายด้านพนักงานที่เพิ่มขึ้น และอัตราเงินเฟ้อส่งผลกระทบต่อจำนวนลูกค้าเข้าร้าน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ