นายณพน เจนธรรมนุกูล กรรมการผู้จัดการ บมจ.สัมมากร (SAMCO) กล่าวว่า บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้ปี 65 เติบโตแตะ 2,500 ล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ 1,441.93 ล้านบาท โดยไตรมาส 1/65 ทำได้แล้ว 279.56 ล้านบาท จากการส่งมอบโครงการอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมียอดขายรอโอนกรรมสิทธิ์ (Backlog) ราว 700 ล้านบาท คาดรับรู้ปีนี้เป็นส่วนใหญ่
ขณะที่คาดยอดขายเติบโต 3,500 ล้านบาท จาก 6 เดือนที่ผ่านมาทำได้แล้วราว 1,500 ล้านบาท เติบโต 50% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือคิดเป็น 42% จากเป้ายอดขายทั้งปี เป็นไปตามความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยแนวราบที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น หลังสถานการณ์โควิด-19 ทำให้คนชอบอยู่บ้านมากขึ้น
บริษัทฯ จึงเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ โดยมุ่งเน้นตลาดบ้านเดี่ยว จำนวน 9 โครงการ บน 9 ทำเลศักยภาพ มูลค่าโครงการรวมกว่า 10,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยเปิดตัวในครึ่งปีหลังนี้ ผ่านการจัดพอร์ตธุรกิจเพื่อจัดทำกลุ่มแบรนด์โปรดักส์ (Brand Segmentation) ให้มีความหลากหลายมากขึ้น ด้วยการออก 7 แบรนด์ใหม่ ใน 4 เซกเมนต์ใหม่ ได้แก่
1. กลุ่ม Super Luxury เปิดโครงการใหม่มูลค่ารวมทั้งหมด 505 ล้านบาท ได้แก่ แบรนด์ One Gate ตั้งอยู่โซนเอกมัย-รามอินทรา เป็นบ้านเดี่ยว ขนาดใหญ่จำนวน 3 หลัง ราคาเริ่มต้น 95-135 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 335 ล้านบาท และ แบรนด์ Two Ekkamai ตั้งอยู่ในซอยเอกมัย 10 หรือซอยสุขุมวิท 65 เป็นโครงการสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่มีเพียง 2 หลัง ตั้งอยู่บน ไพร์มโลเคชั่นที่หาได้ยากในย่านใจกลางเมือง ราคาอยู่ที่ 85 ล้านบาท โดยมูลค่าของโครงการอยู่ที่ 170 ล้านบาท
2. กลุ่ม Luxury เปิดโครงการใหม่มูลค่ารวมทั้งหมด 2,210 ล้านบาท ได้แก่ แบรนด์ Park Heritage บ้านแบบ วิลล่าหรู 3 ชั้น สไตล์ Modern Classic ราคาเริ่มต้น 49 ล้านบาท จำนวน 35 หลัง
3.กลุ่ม High-end เปิดโครงการใหม่มูลค่ารวมทั้งหมด 2,900 ล้านบาท ได้แก่ แบรนด์ Barn Yard บ้านที่ ออกแบบด้วยแนวคิด Classic American Farmhouse กับโลเคชั่นใกล้อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา ราคาเริ่มต้น 15.9 ล้านบาท มูลค่าโครงการอยู่ที่ 900 ล้านบาท และอีกหนึ่งแบรนด์ (Upcoming Project) จะเป็นบ้านสไตล์โมเดิร์นคลาสสิก ราคาเริ่มต้น 30 ล้านบาท ตั้งอยู่บนพื้นที่ 29 ไร่ บนถนน กรุงเทพกรีฑา ซึ่งเป็นทำเลที่มีการขยายตัวของกรุงเทพมหานครฝั่งตะวันออก มีจำนวน 64 ยูนิต รวมมูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท
4.กลุ่ม Upscale เปิดโครงการใหม่มูลค่ารวมทั้งหมด 4,440 ล้านบาท ได้แก่ แบรนด์ Anapana โครงการ ขนาดใหญ่บนพื้นที่ 41 ไร่ ติดถนนลาดกระบังและอยู่ใกล้กับมอเตอร์เวย์ ราคาเริ่มต้นที่ 7 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 1,540 ล้านบาท และ แบรนด์ Mitti ซึ่งมีด้วยกัน 3 โครงการ ใน 3 ทำเล ได้แก่ ชัยพฤกษ์-วงแหวน, ราชพฤกษ์ 346 และรังสิต คลอง 6 ราคาเริ่มต้น 5.99 ล้านบาท มูลค่ารวม 2,900 ล้านบาท
นายณพน กล่าวว่า จากการเปิดตัวโครงการใหม่ดังกล่าว บริษัทฯ คาดว่าจะได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี เนื่องจากเป็นการขยับขึ้นมาจับกลุ่มลูกค้าระดับบนมากขึ้น ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงและไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจมากนัก ส่งผลให้รายได้และยอดขายในปีนี้จะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ได้
ส่วนการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม บริษัทฯ คาดจะกลับมาดำเนินการในปีหน้า เนื่องจากปัจจุบันกำลังซื้อต่างชาติยังไม่กลับมา แต่เชื่อว่าภายหลังผ่านพ้นสถานการณ์โควิด-19 และมีการเปิดประเทศมากขึ้น ก็น่าจะส่งผลดีต่อกำลังซื้อ หรือดีมานด์ของชาวต่างชาติ ซึ่งน่าจะเห็นภาพชัดเจนในช่วงปลายปีนี้เป็นต้นไป