บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด คงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท ไซยะบุรี พาวเวอร์ จำกัด ที่ระดับ "A-" ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" พร้อมกันนี้ ทริสเรทติ้งยังจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของบริษัทในวงเงินไม่เกิน 1 หมื่นล้านบาทที่ระดับ "BBB+" ด้วย โดยหุ้นกู้ดังกล่าวมีอันดับเครดิตต่ำกว่าอันดับเครดิตองค์กรของบริษัทอยู่ 1 ขั้นเนื่องจากบริษัทมีภาระหนี้ที่มีหลักประกันในสัดส่วนที่สูงเมื่อเทียบกับภาระหนี้ทั้งหมด สำหรับเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ในครั้งนี้นั้นบริษัทจะนำไปใช้ชำระคืนหนี้เงินกู้ของบริษัท
อันดับเครดิตสะท้อนถึงกระแสเงินสดที่แน่นอนจากสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวที่บริษัทมีกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ. ได้รับอันดับเครดิต "AAA/Stable" จากทริสเรทติ้ง) ในการนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงโครงสร้างสัญญาซื้อขายไฟฟ้าที่ครอบคลุมและต้นทุนการผลิตไฟฟ้าที่แข่งขันได้อีกด้วย อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวก็ถูกจำกัดโดยโครงสร้างเงินทุนของบริษัทที่มีภาระหนี้จำนวนมากและภาระดอกเบี้ยจ่ายที่สูง ตลอดจนความไม่แน่นอนของกระแสน้ำและความเสี่ยงของประเทศ (Country Risk) ของสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป. ลาว)
บริษัทมีรายได้จำนวน 2.7 พันล้านบาทในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2565 โดยเพิ่มขึ้น 19% จากจำนวน 2.3 พันล้านบาทในช่วงเดียวกันของปี 2564 ทั้งนี้ รายได้ที่เพิ่มขึ้นนั้นมาจากปริมาณไฟฟ้าที่จำหน่ายให้แก่ กฟผ. ที่มากขึ้นซึ่งเป็นผลมาจากปริมาณน้ำที่ไหลผ่านโรงไฟฟ้าที่เพิ่มสูงขึ้น บริษัทมีกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) จำนวน 2.3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% จากช่วงเดียวกันในปีก่อนหน้า ในขณะที่อัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายลดลงมาอยู่ที่ระดับ 84.2% ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2565 จากระดับ 95% ในช่วงเดียวกันของปี 2564 เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายพิเศษด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมที่ต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดของสัญญาสัมปทาน
ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2565 บริษัทมีภาระหนี้ทั้งสิ้นจำนวน 1.03 แสนล้านบาทโดยในจำนวนดังกล่าวเป็นภาระหนี้ที่มีหลักประกันจำนวน 8.2 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ อัตราส่วนหนี้ที่มีหลักประกันต่อภาระหนี้รวมของบริษัทอยู่ที่ระดับ 79.3% ซึ่งบ่งชี้ว่าเจ้าหนี้ที่ไม่มีหลักประกันของบริษัทมีความเสียเปรียบเจ้าหนี้ที่มีหลักประกันอย่างมีนัยสำคัญในกรณีที่มีการเรียกร้องสินทรัพย์จากบริษัท ดังนั้น อันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของบริษัทจึงต่ำกว่าอันดับเครดิตองค์กรของบริษัทอยู่ 1 ขั้น
แนวโน้มอันดับเครดิต
แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" สะท้อนถึงความคาดหวังว่าโครงการไซยะบุรีจะมีผลการดำเนินการเป็นที่น่าพอใจและสร้างกระแสเงินสดที่มั่นคงในระยะยาว และส่งผลให้ภาระหนี้สินทางการเงินลดลงอย่างต่อเนื่อง
ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง
เนื่องจากโครงการไซยะบุรีอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการดำเนินงาน การปรับขึ้นของอันดับเครดิตไม่น่าเกิดขึ้นได้ในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม ในระยะยาว การปรับขึ้นของอันดับเครดิตอาจเกิดขึ้นได้หากบริษัทสามารถสร้างกระแสเงินสดที่สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ในขณะที่กระแสเงินสดต่อภาระหนี้สินมีการปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในระยะยาว อันดับเครดิตอาจถูกกดดันได้หากผลการดำเนินงานของบริษัทต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลให้การสร้างกระแสเงินสดลดน้อยลงอย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับภาระหนี้สิน