โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
พาย ซื้อ 259.00
บัวหลวง ซื้อ 257.00
โนมูระ ซื้อ 252.00
หยวนต้า ซื้อ 252.00
ฟินันเซียไซรัส ซื้อ 250.00
เอเซียพลัส ซื้อ 245.00
ยูโอบีเคย์เฮียน ซื้อ 244.00
ทิสโก้ ซื้อ 240.00
นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า สำหรับหุ้น ADVANC ยังคงแนะนำซื้อลงทุนในระยะยาว แม้ทิศทางรายได้โดยรวมของบริษัทจะได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจที่ยังไม่ค่อยฟื้นตัวดีมากนัก แต่ ADVANC ยังคงมีแผนปรับวางโครงสร้างที่จะเติบโตเพื่อรองรับสถานการณ์ในอนาคต อย่างการมีดีลเข้าซื้อหุ้นในบมจ.ทริปเปิลที บรอดแบนด์ (TTTBB) จะทำให้ ADVANC มีความสามารถในการแข่งขันธุรกิจบรอดแบนด์มากขึ้น จากอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงเดิมที่ทางบริษัทมีอยู่ เมื่อรวมกับตัวของ TTTBB ก็จะใกล้เคียงกับ TRUE ซึ่งเป็นเจ้าตลาดอยู่ในปัจจุบัน
นอกจากนี้ ADVANC ยังมุ่งพัฒนาการให้บริการ Data Center ร่วมกับ GULF และ Singtel ซึ่งประเมินว่าธุรกิจการให้บริการด้าน Data Center จะมีแนวโน้มผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นและเป็นเทรนด์ที่จะมีการเติบโตสูงในอนาคต
ในส่วนของดีลควบรวมกิจการของ TRUE กับ DTAC ก็จะทำให้ ADVANC ได้รับประโยชน์จากจำนวนคู่แข่งในตลาดที่ลดลง ขณะเดียวกัน ADVANC เป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ 3% ต่อปี ถือว่าค่อนข้างน่าสนใจ พร้อมให้คำแนะนำซื้อลงทุน ราคามูลค่าพื้นฐานปี 65 ที่ 252 บาท/หุ้น โดยราคายังไม่รวมอัพไซด์เพิ่มเติมจากดีลของ TTTBB ที่อยู่ในระหว่างทบทวนประมาณการ
ส่วน บล.บัวหลวง ระบุในบทวิเคราะห์ฯ ว่า การที่ ADVANC เข้าซื้อกิจการ TTTBB เป็นดีลที่จะส่งผลบวกในระยะยาว ซึ่ง ADVANC จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นอันดับ 2 ในธุรกิจบรอดแบนด์บ้าน (FBB) ของประเทศไทย โดยจะมีผู้ใช้บริการบรอดแบนด์บ้านรวมกันทั้งสิ้น 4.3 ล้านราย (ของ TTTBB จำนวน 2.4 ล้านรายและของ ADVANC จำนวน 1.9 ล้านราย) และจะมีส่วนแบ่งตลาดในตลาด FBB มากถึง 35% (15% จาก ADVANC และ 20% จาก TTTBB) ผ่านการเติบโตโดยทางลัดและผลประโยชน์ร่วมจากการซื้อบริษัทที่จะ เกิดขึ้นในระยะยาวผ่านการขยายเครือข่ายของบรอดแบนด์ที่กว้างขึ้นครอบคลุมทั่วพื้นที่ในต่างจังหวัด ซึ่งถือว่าเป็นพื้นที่ที่มีการแข่งขันต่ำ หรือเข้าไปเจาะพื้นที่ใหม่อีกอย่างน้อย 50% ซึ่ง ADVANC ยังไม่ได้ขยายไปถึง
และยังมีการรวมช่องทางการขายและหน้าร้าน อีกทั้งความแข็งแกร่งของแบรนด์ 3BB ในตลาดต่างจังหวัด ซึ่งจะมีการแยกแบรนด์ AIS ไฟเบอร์ และ 3BB ในช่วง 2-3 ปีแรก นอกจากนี้ยังมีโอกาสในการเพิ่มยอดขายข้ามผลิตภัณฑ์ และเพิ่มยอดขายสำหรับสินค้าและบริการที่แพงขึ้น ผ่านฐานลูกค้าที่เพิ่มขึ้นและการทำบันเดิลกับบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ บริการดิจิทัลและโปรแกรมสิทธิพิเศษของ ADVANC ประกอบกับการลดค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานผ่านการใช้แชร์ทีมติดตั้งและซ่อมบำรุงรักษาร่วมกัน บวกกับงบลงทุนที่ลดลงผ่านการใช้เครือข่ายและโครงสร้างพื้นฐานร่วมกัน ทั้งนี้เราคาดว่าจะเห็นผลบวกของการร่วมมือกันอย่างเต็มที่ตั้งแต่ปีที่สามเป็นต้นไปและการรวมกิจการของ TTTBB คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงครึ่งแรกของปี 66
สำหรับบล.เอเซียพลัส ระบุในบทวิเคราะห์ฯ ว่า เราคาดไตรมาส 2/65 ADVANC จะมีกำไรปกติอยู่ที่ราว 6.6 พันล้านบาท (+4.6%QoQ, -1.9%YoY) โดยกำไรที่จะเติบโต QoQ เป็นเพราะควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้ดี กล่าวคือคาดต้นทุนลดลง 4.8%QoQ จากค่าเสื่อมราคาที่ลดลง ค่าใช้คลื่นของ บมจ. โทรคมนาคมแห่งชาติ (National Telecom หรือ NT) ที่น้อยลง และต้นทุนขายที่ต่ำลงตามยอดขายอุปกรณ์มือถือที่ชะลอตัว ประกอบกับคาดค่าใช้จ่ายในการขายและบริการลดลง 1.2% QoQ ซึ่งเพียงพอจะชดเชยรายได้จากการขายและบริการที่คาดจะลดลง 2.8% QoQ เพราะถูกฉุดโดยยอดขายอุปกรณ์มือถือที่ลดลง 15.6% QoQ ขณะที่รายได้ค่าบริการเพิ่ม 0.8% QoQ จากการเติบโตจากทั้งธุรกิจมือถือ และธุรกิจอินเทอร์เน็ตที่มีฐานลูกค้าเพิ่มขึ้น โดยธุรกิจมือถือได้ประโยชน์จากกิจกรรมในงานโมบายเอ็กซ์โป ซึ่งหนุนให้มียอดเปิดซิมใหม่มากขึ้น บวกกับการเปิดเมืองที่ทำให้มียอดนักท่องเที่ยวสูงขึ้น ส่งเสริมการใช้ซิมนักท่องเที่ยว
และแม้แนวโน้มกำไรในไตรมาส 3/65 น่าจะลดลงทั้ง QoQ และ YoY จากหลายปัจจัยกดดัน โดยเฉพาะกำลังซื้อที่ลดลงหลังเงินเฟ้อสูงขึ้น แต่ยังคงคาดหวังการเติบโตที่ดีขึ้น QoQ ใน Q4/65 เนื่องจากในไตรมาส 4 ของทุกปี จะมีการเปิดตัวไอโฟนรุ่นใหม่ซึ่งจะช่วยกระตุ้นทั้งยอดขายมือถือและลูกค้าใหม่ให้สูงขึ้น และหากกำไรในงวดเป็นไปตามคาดการณ์ จะทำให้กำไรปกติในงวด 1H65 มีสัดส่วนราว 47% ของประมาณการกำไรทั้งปี 65 ทำให้เรายังคงประมาณการกำไรปี 65 ? 66 ไว้ ตามเดิมที่ 2.7 หมื่นล้านบาท (+3.4% YoY) และ 2.9 หมื่นล้านบาท (+4.8% YoY) ตามลำดับ
พร้อมคงคำแนะนำ "ซื้อ" ADVANC โดยมีราคาเป้าหมายที่ 245 บาท เนื่องจากภาพในระยะยาวยังดูดี โดยกำไรในปี 65 ? 66 โตด้วยอัตราเฉลี่ย 4.1% ซึ่งถือว่าดีกว่าช่วง 2 ปีก่อนหน้าที่กำไรตกต่ำลงเฉลี่ย 7% และคาดหวังอัตราผลตอบแทนจากปันผลสำหรับปี 65 ? 66 ที่ 3.9% - 4.1% นอกจากนี้ยังมี Upside จาก โครงการใหม่ ๆ เช่น Data Center ที่จะเกิดภายใต้ความร่วมมือกับ บมจ. กัลฟ์ เอ็นเนอจี ดีเวลลอปเม้นท์(GULF) และบริษัท Singapore Telecommunications Limited (Singtel) รวมทั้งการปล่อยสินเชื่อภายใต้โครงการ AISCB ที่จะเห็นความคืบหน้ามากขึ้นในไตรมาส 4/65
โดย ภคมณ สายขุนทด/เสาวลักษณ์ อวยพร