บมจ. น้ำตาลบุรีรัมย์ (BRR) เตรียมเปิดให้จองซื้อหุ้นกู้ของบริษัทครั้งที่ 1/2565 ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2568 ซึ่งผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนครบกำหนดไถ่ถอน อัตราดอกเบี้ยคงที่ 5.60 % ต่อปี อายุ 3 ปี มูลค่าเสนอขายไม่เกิน 950 ล้านบาท เปิดให้จองซื้อระหว่างวันที่ 11 และ 15-16 ส.ค.65 แก่ผู้ลงทุนสถาบันและ/หรือผู้ลงทุนรายใหญ่
ล่าสุด TRIS Rating จัดอันดับเครดิตองค์กรที่ "BBB-" แนวโน้ม "Stable" เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2565 เพื่อตอกย้ำธุรกิจของกลุ่มบริษัทที่มีความมั่นคงและส่อแววเติบโตต่อเนื่อง
นายอนันต์ ตั้งตรงเวชกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BRR กลาวว่า บริษัทจะเสนอขายหุ้นกู้ดังกล่าวให้นักลงทุนในวงจำกัด คือ นักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่ (PP-II/HNW) ผ่าน บล.เคทีบีเอสที, บล.เอเซีย พลัส และ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ในฐานะผู้จัดจำหน่าย
สำหรับการออกขายหุ้นกู้ในครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ชำระคืนเงินกู้ยืมระยะสั้นจากสถาบันการเงินจำนวน 800 ล้านบาท และ 2) ใช้ในการขยายธุรกิจของกลุ่มบริษัทจำนวน 100 ล้านบาท และ 3) ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทจำนวน 50 ล้านบาท ซึ่งการออกหุ้นกู้ครั้งนี้ จะช่วยเสริมให้ฐานะการเงินของบริษัทฯ แข็งแกร่งมากขึ้น เพื่อรองรับการขยายธุรกิจของกลุ่มบริษัท
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีแผนการขยายธุรกิจในโครงการธุรกิจเชื้อเพลิงชีวมวลอัดเม็ด, โครงการติดตั้งระบบบำบัดมลพิษอากาศแบบไฟฟ้าสถิต (ESP Boiler) และ โครงการติดตั้ง new rotor turbine Generator 10 mw
ขณะที่ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด (TRIS Rating) สถาบันจัดอันดับเครดิตความน่าเชื่อถือของไทย ได้ประกาศอันดับความน่าเชื่อถือของ BRR ที่ระดับ "BBB-" ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" ณ วันที่ 24 มิถุนายน 2565 ซึ่งสะท้อนถึงประสบการณ์ที่ยาวนานในธุรกิจน้ำตาล ตลอดจนการกระจายความเสี่ยงจากธุรกิจน้ำตาลไปสู่ธุรกิจผลิตไฟฟ้าและบรรจุภัณฑ์ของกลุ่มบริษัท
นอกจากนี้ ยังเป็นการตอกย้ำความแข็งแกร่งทางธุรกิจของ BRR จากผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 63-64 ที่มีกำไรสุทธิเท่ากับ 6.17 ล้านบาท และ 127.04 ล้านบาท ตามลำดับ และในงวด 3 เดือนปี 64 และปี 65 ที่มีกำไรสุทธิเท่ากับ 185.85 ล้านบาท และ 425.09 ล้านบาท ตามลำดับ
ในปี 64 ถึงแม้บริษัทจะได้รับปัจจัยลบจากปริมาณขายน้ำตาลที่ลดลง เนื่องจากการเลื่อนส่งมอบน้ำตาลจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และความผันผวนจากอัตราแลกเปลี่ยน แต่ด้วยราคาน้ำตาลทรายในตลาดโลกที่ยังคงปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากปี 63 รวมถึงรายได้จากกลุ่มธุรกิจอื่นๆ ที่เพิ่มสูงขึ้นจากปีก่อน ส่งผลให้ในภาพรวมบริษัทมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากปี 63 จำนวน 120.87 ล้านบาท และสำหรับงวด 3 เดือนปี 65 กลุ่มบริษัทมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจำนวน 239.25 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 128.73% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 64 สาเหตุหลักมาจากปริมาณและราคาขายน้ำตาลเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น โดยปริมาณการขายน้ำตาลเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 244% และราคาขายน้ำตาลเฉลี่ยปรับตัวสูงขึ้นตามราคาตลาดโลกเฉลี่ย 10% ต่อตันน้ำตาล