ทริสฯ จัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ TIDLOR วงเงิน 3 พันลบ.ที่ A แนวโน้ม Stable

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday July 12, 2022 10:22 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด คงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดปัจจุบันของ บมจ. เงินติดล้อ (TIDLOR) ที่ระดับ "A" ด้วยแนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" พร้อมทั้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 3 พันล้านบาทไถ่ถอนภายใน 3 ปีซึ่งรวมหุ้นกู้สำรองเพื่อเสนอขายเพิ่มเติม (Greenshoe) จำนวน 1.5 พันล้านบาทของบริษัทที่ระดับ "A" ด้วยเช่นกัน โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่นี้ไปจ่ายคืนหนี้และใช้ในการดำเนินกิจการ

อันดับเครดิตดังกล่าวได้รับการปรับเพิ่มขึ้นมา 1 ขั้นจากอันดับเครดิตเฉพาะ (Stand-alone Credit Profile ? SACP) ของบริษัทซึ่งอยู่ที่ระดับ "a-" โดยการยกระดับสะท้อนถึงมุมมองของทริสเรทติ้งที่มีต่อสถานะของบริษัทซึ่งเป็นบริษัทลูกเชิงกลยุทธ์ของ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) (ได้รับการจัดอันดับเครดิตที่ระดับ "AAA/Stable" จากทริสเรทติ้ง)

ทริสเรทติ้งพิจารณาอันดับเครดิตดังกล่าวโดยคำนึงถึงการที่บริษัทจะยังคงได้รับการสนับสนุนทั้งในด้านธุรกิจและการเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา

อันดับเครดิตเฉพาะของบริษัทสะท้อนถึงสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งในการเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการรายใหญ่ในธุรกิจสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกันและธุรกิจนายหน้าประกันภัย นอกจากนี้ ปัจจัยอื่น ๆ ที่ทริสเรทติ้งใช้ประกอบการพิจารณาอันดับเครดิตยังรวมถึงการที่บริษัทมีฐานทุนที่แข็งแกร่ง คุณภาพสินทรัพย์ที่ดีจากการมีแนวทางการบริหารความเสี่ยงที่ระมัดระวัง รวมถึงการมีแหล่งเงินทุนและสภาพคล่องที่เพียงพอ อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตก็มีข้อจำกัดในระดับหนึ่งจากการแข่งขันที่รุนแรงในธุรกิจสินเชื่อเพื่อการอุปโภคบริโภค

ผลการดำเนินงานในไตรมาสแรกของปี 2565 ของบริษัทเป็นไปในทิศทางที่ทริสเรทติ้งประมาณการไว้ โดย ณ สิ้นไตรมาสแรกของปี 2565 บริษัทมีพอร์ตสินเชื่อคงค้างอยู่ที่ระดับ 6.57 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.2% เมื่อเทียบกับยอดสินเชื่อ ณ ช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และ 6.9% เทียบกับสิ้นไตรมาสที่แล้ว บริษัทมีรายได้สุทธิอยู่ที่ 940 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.1% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว เนื่องจากบริษัทมีรายได้ดอกเบี้ยมากขึ้นจากการขยายสินเชื่อเพิ่มขึ้น รายได้ค่าธรรมเนียมและค่าบริการที่ปรับเพิ่มขึ้น และมีค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่ลดลง

ในขณะที่คุณภาพสินเชื่อที่ได้รับการควบคุมเป็นอย่างดีก็ช่วยให้บริษัทมีค่าใช้จ่ายสำรองสำหรับผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในระดับต่ำ สำหรับอัตราส่วนสินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตต่อสินเชื่อรวมของบริษัทนั้นปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ระดับ 1.25% ณ สิ้นไตรมาสแรกของปี 2565 จากระดับ 1.19% ณ สิ้นปี 2564 โดยเป็นผลเนื่องมาจากการปรับเพิ่มขึ้นของสินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตใหม่ในไตรมาสแรกของปี 2565 ซึ่งคาดว่าจะอยู่ในระดับที่สูงขึ้นตลอดปีที่เหลือจากสถานการณ์เศรษฐกิจที่ยังคงอ่อนแอและการสิ้นสุดลงของโครงการช่วยเหลือลูกหนี้ ทั้งนี้ อัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อเงินให้สินเชื่อที่มีการด้อยค่าด้านเครดิตของบริษัทยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 317% เมื่อเทียบกับระดับ 357% ณ สิ้นปี 2564

ฐานทุนของบริษัทยังคงอยู่ในระดับที่เข้มแข็งและเป็นปัจจัยด้านบวกสำหรับอันดับเครดิต ทั้งนี้ ณ สิ้นไตรมาสแรกของปี 2565 บริษัทมีอัตราส่วนเงินทุนที่ปรับความเสี่ยงลดลงเล็กน้อยอยู่ที่ระดับ 34.6% จากระดับ 35.8% ณ สิ้นปี 2564 จากการเติบโตสินเชื่ออย่างต่อเนื่อง เมื่อพิจารณาจากการคาดการณ์การเติบโตของพอร์ตสินเชื่อของบริษัทที่ระดับประมาณ 15% ต่อปีในปี 2565-2567 แล้ว ทริสเรทติ้งประมาณการว่าอัตราส่วนเงินทุนที่ปรับความเสี่ยงของบริษัทจะอยู่ในระดับที่เกินกว่า 33% ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า

แนวโน้มอันดับเครดิต

แนวโน้มอันดับเครดิต "Stable" หรือ "คงที่" อยู่บนพื้นฐานการคาดการณ์ของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงรักษาฐานทุนให้อยู่ในระดับที่แข็งแกร่งและรักษาสถานะผู้นำในตลาดสินเชื่อทะเบียนรถเอาไว้ได้ ในขณะที่ยังคงมีผลประกอบการทางการเงินที่น่าพึงพอใจต่อไป นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งยังคาดว่าบริษัทจะสามารถควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้อีกด้วย

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

อันดับเครดิตอาจปรับเพิ่มขึ้นได้หากบริษัทสามารถสร้างเสถียรภาพทางธุรกิจให้เข้มแข็งยิ่งขึ้นโดยการเสริมความแข็งแกร่งให้แก่สถานะทางการตลาดอย่างต่อเนื่องในขณะที่ยังสามารถรักษาคุณภาพสินทรัพย์ที่แข็งแรงและผลประกอบการทางการเงินที่ดีเอาไว้ได้ในขณะเดียวกัน การปรับลดอันดับเครดิตอาจเกิดขึ้นได้หากสถานะทางการแข่งขันหรือคุณภาพสินทรัพย์ของบริษัทเสื่อมถอยลงอย่างมีนัยสำคัญจนทำให้อัตราส่วนเงินทุนที่ปรับความเสี่ยงลดลงต่ำกว่าระดับ 25%

นอกจากนี้ หากมุมมองของทริสเรทติ้งที่เกี่ยวกับระดับความสำคัญเชิงกลยุทธ์ของบริษัทที่มีต่อกลุ่มธนาคารกรุงศรีอยุธยาเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีสาระสำคัญก็อาจเป็นสาเหตุให้มีการทบทวนอันดับเครดิตเพื่อสะท้อนมุมมองดังกล่าวอีกด้วย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ