บมจ.ดุสิตธานี (DUSIT) ประกาศเดินหน้าเจาะกลุ่มลูกค้าที่มองหาสถานที่สำหรับการประชุมและสัมมนาหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 มีแนวโน้มดีขึ้นเป็นลำดับ ขณะที่ภาครัฐผ่อนคลายมาตรการต่างๆ จนกิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ เผยออกแพคเกจ ?Meet at Dusit? รองรับความต้องการประชุมและสัมมนาแบบ On-Site สำหรับโรงแรมดุสิตในประเทศไทยที่ออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับลูกค้าที่ต้องการพบปะและพูดคุยธุรกิจได้อย่างอย่างปลอดภัย สะดวกสบาย และคุ้มค่า
DUSIT เปิดเผยว่า แพคเกจ ?Meet at Dusit? ซึ่งออกแบบมาเพื่อรองรับการประชุมและสัมมนาสำหรับลูกค้าองค์กร เปิดให้จองแล้วตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2565 พร้อมสิทธิประโยชน์มากมายที่มอบให้เพิ่มตามระดับของการใช้จ่าย อาทิ รับสิทธิประโยชน์ 1 Plus (+1) เมื่อมียอดใช้จ่ายรวม 50,000 บาท หรือรับสิทธิประโยชน์ 2 Plus (+2) เมื่อมียอดใช้จ่าย 150,000 บาท หรือรับสิทธิประโยชน์ 3 Plus (+3) เมื่อมียอดใช้จ่าย 300,000 บาท และสำหรับการจองห้องพักทุกๆ 20 ห้อง จะได้รับห้องและอัปเกรดฟรีหนึ่งห้อง
นอกจากนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน กลุ่มดุสิตธานียังปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจและเพิ่มบริการใหม่ๆ อาทิเช่น การให้บริการแบบดุสิต หรือ Dusit Graciousness โดยให้ความสำคัญกับ 4 แกนหลัก คือ บริการที่มีคุณภาพและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า (Service) บริการที่ตอบสนองการใช้ชีวิตอย่างมีสุขภาวะที่ดีทั้งกายและใจ (Well-being) บริการที่เข้าถึงและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับชุมชนและคนรอบข้าง (Locality) และบริการที่ยั่งยืน โดยคำนึงถึงสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม (Sustainability)
นอกจากนี้ ยังเปิดตัว Devarana Wellness (เทวารัณย์ เวลเนส) แนวคิดใหม่ของการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อสานองค์ประกอบความเป็นอยู่ที่ดีให้กับลูกค้าตลอดการเข้าพัก ซึ่งรวมถึงการลดความเครียด การล้างพิษ และการนอนหลับพักผ่อนอย่างเต็มอิ่ม การแนะนำเมนูอาหารเพื่อสุขภาพใหม่ๆ และกิจกรรมเพื่อสุขภาพเป็นประจำ เช่น โยคะ การทำสมาธิ และซาวด์บาธ ซึ่งเป็นศาสตร์การใช้คลื่นเสียงกังวานจากเครื่องดนตรี เพื่อบำบัดด้วยคลื่นเสียงผ่านน้ำในร่างกายสู่การผ่อนคลายความเครียด ซึ่งลูกค้าสามารถเพลิดเพลินได้ฟรี
ทั้งนี้ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการกลับมาของธุรกิจไมซ์ กลุ่มดุสิตธานี มุ่งมั่นในการออกแบบ การจัดหาและการจัดซื้ออย่างยั่งยืน ทำให้มั่นใจได้ว่าการประชุมที่โรงแรมในเครือดุสิตมีผลกระทบต่อโลกน้อยที่สุดและสามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการปรับปรุงและเพิ่มการบริการเพื่อมอบสิ่งอำนวยความสะดวกที่ตรงจุด พร้อมต้อนรับลูกค้าที่มาประชุมที่โรงแรมทุกแห่งของดุสิต อาทิ ดุสิตธานี หัวหินที่ได้ปรับปรุงห้องพักและห้องสวีททั้งหมด และปรับโฉมสระว่ายน้ำส่วนกลางขนาดใหญ่และพื้นที่ริมชายหาดอัพเกรดห้องรอยัล ดุสิต แกรนด์ บอลรูมขนาด 844 ตร.ม. และยังเปิดพื้นที่จัดประชุมใหม่ชื่อ The Stable ซึ่งตั้งอยู่ภายในอดีตคอกม้าในสวนที่ตกแต่งอย่างสวยงามของโรงแรม
ในขณะที่ ดุสิตธานี พัทยา และดุสิตธานี ลากูน่า ภูเก็ต ได้มีการอัปเกรดห้องอาหารและสิ่งอำนวยความสะดวกเป็นที่เรียบร้อยแล้วและยังได้ร่วมมือกับพันธมิตรในท้องถิ่นเพื่อเสนอกิจกรรมผจญภัยใหม่ๆ เช่น กิจกรรมทางน้ำ การเล่นกระดานโต้คลื่นและการเล่นแพดเดิลบอร์ด
นอกจากนี้ กลุ่มดุสิตธานียังเดินหน้าขยายการให้บริการทั่วทุกย่านที่พัก โดยเปิดโรงแรมอาศัย กรุงเทพ ไชน่าทาวน์ ในย่านที่เป็นเมืองเก่าอันคึกคักติดกับถนนเยาวราช ห่างจากสถานีรถไฟใต้ดิน MRT วัดมังกรเพียง 100 เมตร โรงแรมนี้เป็นแห่งแรกภายใต้แบรนด์อาศัย (ASAI) ที่มีเอกลักษณ์ เน้นออกแบบเพื่อเชื่อมโยงนักเดินทางกลุ่มมิลเลนเนียลเข้ากับประสบการณ์ในท้องถิ่นอย่างแท้จริง นำเสนอบริการที่เป็นกันเอง พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกแนวร่วมสมัย อาทิ พื้นที่ไว้สำหรับนั่งทำงานร่วมกัน และลานในร่มที่เหมาะสำหรับการพบปะทางธุรกิจที่ออกแบบอย่างมีสไตล์
นอกจากกรุงเทพฯ หัวหิน พัทยา ภูเก็ต แล้ว กลุ่มดุสิตธานียังมอบ การบริการแบบ Dusit Graciousness ในจังหวัดอื่นๆ รวมถึง เขาใหญ่ กระบี่ เชียงใหม่ และเชียงราย อีกด้วย