บมจ. สยาม ทู ยู (S2Y) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯมีมติอนุมัติการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 130,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ให้แก่ บริษัท เอ็มจีพี ฮาเซล นัมเบอร์ วัน จำกัด ซึ่งไม่ได้บุคคลที่เกี่ยวโยงกัน
ทั้งนี้ เอ็มจีพี ฮาเซล นัมเบอร์ วัน เป็นบริษัทได้รับคำปรึกษาจาก Macquarie Global Property Advisors (MGPA) ในฐานะที่ทุนเป็นหนึ่งในกองทุนภูมิภาคเอเชียของเอ็มจีพีเอ ซึ่งเป็นบริษัทบริหารกองทุนอสังหาริมทรัพย์อิสระที่เจาะจงการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในภูมิภาคเอเชีย และยุโรป สินทรัพย์ที่เอ็มจีพีเอบริหารในสองภูมิภาคนี้มีมูลค่ารวมสูงกว่า 1 หมื่นล้านดอลล่าร์สหรัฐ
เอ็มจีพีเอมีการลงทุนทั้งในโครงการพัฒนาใหม่ โครงการเก่าที่นำมาพัฒนาใหม่ โครงการร่วมทุนรวมถึงการลงทุนในบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีการพัฒนาโครงการในด้านต่างๆ ทั้งสำนักงาน ร้านค้า นิคมอุตสาหกรรม ที่พักอาศัย และโรงแรม
นายไซม่อน เกโรวิช ประธานบริษัทสยามทูยู กล่าวว่า การลงทุนเชิงกลยุทธ์ของเอ็มจีพีเอในสยามทูยูในครั้งนี้ เป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาและเติบโตของบริษัทฯ
“การลงทุนครั้งนี้ของเอ็มจีพีเอในประเทศไทย และในสยามทูยูสะท้อนให้เห็นถึงความมั่นใจของทั้งสองฝ่าย และโอกาสการลงทุนอันชัดเจนในภาคธุรกิจโรงแรมและคอนโดมิเนียมในประเทศไทย ซึ่งเราจะเริ่มดำเนินการตามแผนการลงทุนของเราในช่วง 12-18 เดือนข้างหน้านี้อย่างแน่นอน"นายไซม่อนกล่าว
อนึ่ง การเข้าจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน จำนวน 130,000,000 หุ้น ของเอ็มพีจี คิดเป็นร้อยละ 24.9345 ของทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้วของบริษัทภายหลังการเพิ่มทุนชำระแล้ว จะทำให้สัดส่วนการถือหุ้นของบุคคลที่ไม่มีสัญชาติไทยในบริษัทมีจำนวนเกินกว่าร้อยละ 49 ซึ่งกำหนดไว้ในข้อบังคับ ข้อ 8 ของบริษัท
ดังนั้น นักลงทุนจะจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนจากบริษัทโดยตรงเป็นจำนวน 63,700,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 12.2179 ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเพิ่มทุนชำระ โดยหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 66,300,000 หุ้น คิดร้อยละ 12.7166 ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเพิ่มทุนชำระ จะถูกจัดสรรให้แก่ บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด
*ให้"เอฟโวลูชั่นแลนด์"เพิ่มทุนอีกรอบเป็น 225 ลบ.เข้าเทคฯ"แอ๊ดแดกซ์"
พร้อมกันนั้นที่ประชุมบริษัทยังมีมติอนุมัติให้บริษัท เอฟโวลูชั่น แลนด์ จำกัด (เอฟโวลูชั่น แลนด์) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท เพิ่มทุนจดทะเบียนอีก 80 ล้านบาท จากเดิม 145 ล้านบาท เป็น 225 ล้านบาท โดยบริษัทจะซื้อหุ้นเพิ่มทุนทั้งหมด คาดว่าการจดทะเบียนเพิ่มทุนจะแล้วเสร็จภายในเดือน เมษายน 2551
หลังจากนั้นจะให้ เอฟโวลูชั่นแลนด์ เข้าลงทุนซื้อหุ้นจำนวน 999,994 หุ้น หรือเท่ากับ ร้อยละ 99.99 จากบริษัท แอ๊ดแดกซ์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (แอ๊ดแดกซ์) ในราคาไม่เกิน 10 ล้านบาท และ อนุมัติให้มีการลงทุนเพิ่มโดยการเพิ่มทุนแอ๊ดแดกซ์อีก เป็นจำนวน 70 ล้านบาท เป็น 225 ล้านบาท ในเดือนเมษายน 2551 วัตถุประสงค์ของบริษัท เพื่อพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม ชื่อ "เดอะ เลค แอท ฟีนิกซ์"
แอ๊ดแดกซ์ เป็นเจ้าที่ดินปลอดภาระ ที่อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี เนื้อที่ 14 ไร่ 3 งาน 47 ตารางวา ซึ่งกำลังก่อโครงการ คอนโดมิเนียม ชื่อ "เดอะ เลค แอท ฟีนิกซ์" จำนวน 118 ห้องชุด
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะได้รับผลประโยชน์จากการเปิดตลาดของโครงการคอนโดมิเนียมนี้ เนื่องจากได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากผู้ซื้อและมียอดจองเข้ามาแล้วกว่าร้อยละ 30 ทำให้ความเสี่ยงในการลงทุนเพื่อการพัฒนานั้นลดลง โดยที่เอฟโวลูชั่นแลนด์จะเข้าซื้อโครงการที่ได้มีการพัฒนาแล้ว นอกจากนั้นตลาดที่อยู่อาศัยในพัทยานั้นเป็นตลาดที่สนใจเป็นอย่างยิ่ง เป็นตลาดที่เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะสำหรับโครงการที่มีแนวคิด และการออกแบบที่เอกลักษณ์ และทันสมัย อย่างโครงการ "เดอะ เลค แอท ฟีนิกซ์"
และยังอนุมัติการเข้าซื้อเฟอร์นิเจอร์ เครื่องตกแต่งและต่อเติม และอุปกรณ์สำนักงาน คอมพิวเตอร์ รวมถึงโปรแกรมคอมพิวเตอร์ และทรัพย์สินอื่น ๆ ของบริษัท ศิลาดล แอนด์ เอเชีย-แปซิฟิค จำกัด (ศิลาดล) ในราคา 9,335,000 และ ซื้อเฟอร์นิเจอร์ เครื่องตกแต่งและต่อเติม และอุปกรณ์สำนักงาน คอมพิวเตอร์ รวมถึงโปรแกรมคอมพิวเตอร์ และทรัพย์สินอื่นๆ ของ บริษัท สฟิงซ์ พาร์ทเนอร์ส จำกัด (สฟิงซ์) ในราคา 5,547,000 รวมแล้วมีมูลค่าทั้งสิ้น 14,882,000 บาท ซึ่งมีมูลค่ารวมคิดเป็นร้อยละ 4.27 ของสินทรัพย์มีตัวตนสุทธิของบริษัท โดยมีขนาดรายการร้อยละ 2.68 และร้อยละ 1.59 ตามลำดับ โดยมีมูลค่าต่ำกว่า 20 ล้านบาท และร้อยละ 3 ของสินทรัพย์มีตัวตนสุทธิของบริษัท ร้อยละ 3 ของสินทรัพย์มีตัวตนสุทธิของบริษัทเท่ากับ 10,459,838.58 บาท
อนุมัติกำหนดวันประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2551 ในวันจันทร์ที่ 28 เมษายน 2551 เวลา 9:00 น.กำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นของบริษัท เพื่อสิทธิในการเข้าร่วมประชุมและออกเสียงลงคะแนน ในวันจันทร์ที่ 8 เมษายน 2551 ตั้งแต่เวลา 12:00 น. เป็นต้นไป จนกว่าการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2551 จะแล้วเสร็จ
ทางด้านนายไซม่อน เทรซีย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการลงทุนในภูมิภาคเอเชียของเอ็มจีพีเอ กล่าวว่า "ประเทศไทยเป็นเป้าหมายในการลงทุนของกองทุนอสังหาริมทรัพย์ของเรามาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว เรามีความยินดีอย่างยิ่งที่ได้ลงทุนในสยามทูยูซึ่งมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญอย่างมากในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในภาคธุรกิจการท่องเที่ยว โรงแรม และคอนโดมิเนียมในประเทศไทย การลงทุนร่วมกับสยามทูยูจะเป็นโอกาสที่ดีของเอ็มจีพีเอในการลงทุนในธุรกิจโรงแรมและคอนโดมิเนียมระดับบน ซึ่งเรามั่นใจว่าเป็นภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่น่าลงทุนมากที่สุดในประเทศไทย"
--อินโฟเควสท์ โดย นิศารัตน์ วิเชียรศรี/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--