ตลาดหลักทรัพย์ ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,546.80 จุด ลดลง 10.60 จุด (-0.68%) มูลค่าการซื้อขายราว 47,877.42 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีฯปรับตัวลงตามต่างประเทศ โดยดัชนีขึ้นไปทำระดับสูงสุด 1,556.90 จุด และลงไปต่ำสุดที่ 1,542.95 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 458 หลักทรัพย์ ลดลง 1,151 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 481 หลัก
นายชัยพร น้อมพิทักษ์เจริญ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานค้าหลักทรัพย์ บล.บัวหลวง กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงตามทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นต่างประเทศ จากความกังวลในเรื่องของการเร่งขึ้นดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) โดยที่ยังต้องติดตามตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯในวันพรุ่งนี้ว่าจะออกมาเป็นอย่างไร
ขณะเดียวกันยังมีความกังวลจากจีนที่อาจจะกลับมาใช้มารตรการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 อีกครั้ง ในหลายเมือง ซึ่งอาจจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีน อีกทั้งค่าเงินบาทยังคงอ่อนค่า ทำให้อาจจะมีแรงขายของนักลงทุนต่างชาติออกมาต่อเนื่อง ประกอบกับพรุ่งนี้ตลาดหุ้นไทยปิดทำการ ทำให้อาจมีการขายเพื่อลดความเสี่ยงในพอร์ตออกมา
แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในวันพฤหัสบดีนี้ (14 ก.ค.)หลังกลับมาเปิดทำการยังคงต้องขึ้นกับตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯที่จะออกมา ซึ่งหากเงินเฟ้อสหรัฐฯออกมาต่ำกว่าคาดหรือตามที่ตลาดคาด คาดว่าดัชนีจะแกว่งไซด์เวย์หรือไซด์เวย์อัพ แต่หากเงินเฟ้อสหรัฐฯออกมาสูงกว่าคาด มีโอกาสปรับตัวลงต่อได้ เพราะยังคงเป็นสัญญาณต่อการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดที่ยังแรงต่อเนื่อง
โดยให้แนวต้าน 1,560-1,565 จุด แนวรับ 1,530-1,535 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,519.80 ล้านบาท ปิดที่ 33.75 บาท ลดลง 0.25 บาท
BDMS มูลค่าการซื้อขาย 1,473.59 ล้านบาท ปิดที่ 27.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท
PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 1,450.47 ล้านบาท ปิดที่ 160.00 บาท ลดลง 1.50 บาท
SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,413.81 ล้านบาท ปิดที่ 100.00 บาท ลดลง 2.00 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,273.09 ล้านบาท ปิดที่ 146.50 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท