กลุ่มโรงกลั่นปรับตัวลงตามค่าการกลั่นปรับตัวลง และการจำกัดเพดานราคาน้ำมันรัสเซีย รวมถึงความเสี่ยงล็อกดาวน์ในจีนบางเมือง และการระบาดโควิดเพิ่มขึ้นในสหรัฐและญี่ปุ่น
เมื่อเวลา 11.02 น.
SPRC ปรับลง 2.61% หรือลดลง 0.30 บาท มาที่ 11.20 บาท
ESSO ปรับลง 1.79% หรือลดลง 0.20 บาท มาที่ 11.00 บาท
BCP ปรับลง 1.61% หรือลดลง 0.50 บาท มาที่ 30.50 บาท
TOP ปรับลง 0.49% หรือลดลง 0.25 บาท มาที่ 50.50 บาท
นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่ากลุ่มโรงกลั่นปรับตัวลงตามค่าการกลั่นที่ปรับตัวลงตามราคาน้ำมันที่ลดลง ซึ่งก่อนหน้านี้ค่าการกลั่นกับราคาน้ำมันปรับตัวลงมาหลายวันแล้ว แต่ราคาหุ้นยังไม่ลงตามในทันที
สัปดาห์นี้ราคาน้ำมันปรับตัวลงไป 8% แล้ว โดยเมื่อวันที่ 12 ก.ค.ลงค่อนข้างหนัก และค่าการกลั่นปรับตัวลงมาที่ 10.60 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดในรอบ 4 เดือน และวันที่ 13 ก.ค.ค่าการกลั่นมาอยูที่ 11.39 เหรียญ/บาร์เรลจากช่วงปลายเดือนมิ.ย.ค่าการกลั่นอยู่ระดับ 30 เหรียญ/บาร์เรล
นอกจากนี้ องค์การพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) เผยข้อเสนอของกลุ่ม G7 จำกัดเพดานราคาน้ำมันรัสเซีย รวมน้ำมันสำเร็จรูป เพื่อมุ่งรักษาปริมาณน้ำมันและควบคุมอัตราเงินเฟ้อ รวมถึงการล็อกดาวน์บางเมืองชองจีนหลังพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 และขณะนี้ก็มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้น 2 เท่าในสหรัฐและญี่ปุ่น
อีกทั้ง ที่ประชุมคณะกรรมการ บมจ.ปตท. (PTT) เมื่อวันที่ 11 ก.ค.มีมติอนุมัติสนับสนุนเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นกรณีพิเศษเพื่อช่วยเหลือประชาชนเป็นการเร่งด่วนจากสถานการณ์วิกฤตเดือนละ 1,000 ล้านบาท ระยะเวลา 3 เดือน รวมทั้งสิ้น 3,000 ล้านบาท สนับสนุนภาครัฐในการแบ่งเบาภาระค่าพลังงานของประชาชน รวมทั้งเพื่อรักษาเสถียรภาพด้านพลังงานของประเทศ ซึ่งมองว่าเป็นสัญญาณให้กับกลุ่มไทยออยล์จะส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันฯ ด้วย
อย่างไรก็ตาม ซีจีเอสฯ มีคำแนะนำพื้นฐาน "ซื้อ" กลุ่มโรงกลั่น โดยระยะสั้นมีปัจจัยลบเข้ามา อาจจะต้องรอจังหวะย่อตัว เพราะงบการเงินในไตรมาส 2/65 คาดว่าออกมาดี ค่าการกลั่นเฉลี่ย 21.50 เหรียญ/บาร์เรล สูงกว่าไตรมาส 2/64 ที่มีค่าการกลั่น 2.05 เหรียญ/บาร์เรล
ให้ราคาเป้าหมาย SPRC ที่ 15 บาท และ TOP ที่ 69 บาท ส่วน ESSO , BCP Bloomberg Consensus เฉลี่ยที่ 12.40 บาท และ 37.25 บาทตามลำดับ