บล.พาย (Pi) ระบุในบทวิเคราะห์ประเมินสัปดาห์นี้ดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) มีโอกาสฟื้นตัวในกรอบ 1,525-1,550 เชื่อว่าตลาดจะให้น้ำหนักกับเงินเฟ้อสหรัฐฯที่ผ่านจุดสูงสุดแล้วในการประกาศครั้งที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบันราคาสินค้าโภคภัณฑ์หลายๆชนิดได้ปรับฐานลงมา อาทิ น้ำมันดิบ BRT (-14.6%MoM) ทองแดง (-25%MoM) อลูมิเนียม (-10%MoM) ค่าระวางเรือ (-16%MoM) ข้าวสาลี (-29%MoM)
ขณะที่หากพิจารณาทิศทางดอกเบี้ยของสหรัฐฯต่อความคิดของตลาดพบว่าตลาดยังให้น้ำหนักมากสุดที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมสิ้นเดือนนี้ที่ 0.75% (70.9%) และอีก 29% ให้น้ำหนักขึ้นดอกเบี้ย 1% จากก่อนหน้าคาดจะขึ้นดอกเบี้ย 1% ด้วยโอกาส 80% สะท้อนความผ่อนคลายลงของนักลงทุน เชื่อว่าตลาดให้น้ำหนักกับเงินเฟ้อที่จะเบาบางลงจากนี้ ดังนั้น ความเข้มงวดจากดอกเบี้ยจึงผ่อนคลายลง
ส่วนปัจจัยในสัปดาห์นี้ของสหรัฐฯจะเน้นไปที่ภาคอสังหาฯ โดยวันอังคารจะมี (1) ใบอนุญาตก่อสร้าง Bloomberg คาดที่ 1.69 ล้าน (2) จำนวนที่อยู่อาศัยเริ่มสร้าง Bloomberg คาดที่ 1.6 ล้าน วันพุธจะมียอดขายบ้านมือสอง Bloomberg ประเมินที่ 5.4 ล้านหลังคาเรือน และสุดท้ายวันศุกร์จะมีการรายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) Bloomberg ประเมินที่ 52.6 เชื่อว่าตลาดอยากเห็นตัวเลขที่ดีกว่าคาดเพื่อคลายกังวลภาวะเศรษฐกิจถดถอย อื่นๆจะเป็นการประกาศผลประกอบการทั้งในประเทศและของสหรัฐฯ
บล.พาย ระบุว่า เชิงกลยุทธ์แนะหุ้นได้ประโยชน์สินค้าโภคภัณฑ์ลดลง อาทิ (CBG OSP) รวมไปถึง (SCC SCGP) และ (CPG GFPT TFG) ตามทิศทางราคากากถั่วเหลืองลดลง ค้าปลีก (BJC CPALL)
COM7 (ถือ / ราคาเป้าหมาย 38.75 บาท) มองราคาหุ้นปรับฐานสะท้อนความกังวลอุปสงค์ชะลอตัวรวมถึงภาวะเงินเฟ้อไปพอสมควรแล้ว ขณะที่กำไรในปี 65 ยังคาดจะเห็นการเติบโตราว 22% โดยมีอีกปัจจัยหนุนจากความกังวลเงินเฟ้อโลกที่คลี่คลายลง
SCGP (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 66.00 บาท) คาดธุรกิจปกติของบริษัทจะเติบโตแข็งแกร่งในช่วง H2/65 จากการขยายกำลังการผลิตและอุปสงค์ที่ฟื้นตัวขึ้นพร้อมประเมินว่าราคาขายเฉลี่ยและปริมาณขายจะโตต่อเนื่องตามต้นทุนที่สูงขึ้นจากอัตราเงินเฟ้อ บวกกับการบริโภคในประเทศและตลาดส่งออกที่ปรับดีขึ้น หลังจากสถานการณ์โควิด-19 ผ่อนคลาย