นายปิติ ตัณฑเกษม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทยธนชาต (TTB) กล่าวว่า ทั่วโลกกำลังเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อในระดับสูงกันถ้วนหน้าหลังจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ผ่านพ้นไป โดยเฉพาะราคาพลังงานที่เป็นปัจจัยหลักทำให้เงินเฟ้อเร่งตัวขึ้น โดยที่ประเทศไทยถือว่าได้รับผลกระทบจากปัญหาเงินเฟ้อสูงขึ้นเช่นเดียวกัน ส่งผลให้เงินในกระเป๋าของผู้คนลดน้อยลง โดยกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด คือ กลุ่มผู้ที่มีรายได้น้อย ซึ่งเป็นฐานใหญ่ของประเทศไทย เพราะกำลังซื้อลดลง และเป็นกลุ่มที่มีหนี้สินเป็นจำนวนมาก
ปัจจัยที่จะเข้ามากระทบต่อกำลังซื้อของคนในประเทศในปีนี้นอกเหนือจากเงินเฟ้อแล้ว ยังมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของไทยที่มีโอกาสเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่จะเข้ามากดดันต่อกำลังซื้อและความสามารถในการชำระหนี้ของภาคครัวเรือน ซึ่งยังมีความเปราะบางในสถานการณ์ปัจจุบัน เนื่องจากรายได้ของคนในกลุ่มดังกล่าวยังไม่มาก แต่เงินเฟ้อและดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นจะเข้ามากระทบต่อความสามารถในการซื้อและความสามารถในการชำระหนี้
"สิ่งที่ต้องจับตาตอนนี้คงเป็นเรื่อง Consumer Debt Crisis ซึ่งประเทศไทยยังไม่เคยยเกิดขึ้นมาก่อน จากที่น่ากังวลเพราะเงินเฟ้อ และดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ทำให้เงินในกระเป๋าคนลดลง ส่งผลกระทบต่อคนที่มีรายได้น้อยที่เป็นฐานใหญ่ของประเทศแน่นอน และหนี้ครัวเรือนของไทยเพิ่มขึ้นมาสูงถึง 91% แม้ว่าการผิดนัดชำระหนี้จะไม่สูงมากที่ 39% แต่ก็ต้องระวัง ซึ่งเป็นความเสี่ยงใหม่ของประเทศ และเราก็ไม่ควรให้เกิด Crisis หนี้ครบทุกรูปแบบ จากที่ผ่านมาเราเจอกับ Crisis ของรายใหญ่และรายกลางมาแล้ว" นายปิติ กล่าว
ปัจจุบันสมาคมธนาคารไทยได้พยายามหาแนวทางในการแก้ปัญหาหนี้สินครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูงมาอย่างต่อเนื่อง โดยพยายายามหาโซลูชั่นต่างๆในการเข้ามาช่วยแก้ปัญหา และนำพาลูกหนี้ที่อยู่นอกระบบเข้ามาอยู่ในระบบให้ได้มากที่สุด พร้อมกับการมีโครงการรวมหนี้ที่สามารถนำหนี้ไม่มีหลักประกันมารวมกับหนี้มีหลักประกัน เพื่อทำให้การผ่อนชำระมีดอกเบี้ยลดลง และแบ่งเบาภาระให้กับผู้กู้