ตลาดหุ้นไทยต้นภาคเช้าร่วงลงไปแล้วกว่า 10 จุด ตอบรับความกังวลในปัจจัยลบทั้งในประเทศและต่างประเทศ ทำให้เกิดแรงเทขายหุ้นขนาดใหญ่เพื่อล็อกกำไรและลดความเสี่ยง
เมื่อเวลา 10.05 น.ดัชนี SET มาอยู่ที่ 1,534.59 จุด ลดลง 10.22 จุด (-0.66%)
ล่าสุด เมื่อเวลา 12.08 น.ดัชนี SET มาอยู่ที่ 1,523.19 จุด ลดลง 21.62 จุด (-1.40%)
นายณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงไปมาก จากบรรยากาศการลงทุนเอเชียเป็นลบ โดยกลับมาภาคอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐหลังจากดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านของสหรัฐชะลอตัว อีกทั้งการชะลอการจ้างงานของค่ายแอปเปิล
ขณะที่บ้านเรา ยังมีปัจจัยลบ เช่น กลุ่มที่มีธุรกิจเกี่ยวข้องกับเมียนมา โดยเฉพาะกลุ่มเครื่องดื่ม อาทิ OSP ซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากมาตรการของรัฐบาลเมียนมาที่ต้องการดูแลระดับทุนสำรองของประเทศ ขณะเดียวกันกลุ่มแบงก์วันนี้ก็ปรับตัวลงเพื่อรอติดตามการประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/65 อีกทั้งเงินบาทก็อ่อนค่าลงด้วย
ให้แนวรับแรก 1,530 จุด ถัดไป 1,525 จุด ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,540 จุด
ด้านนายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลงกว่า 20 จุด จากความกังวลธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นดอกเบี้ยที่ยังคงเป็นแรงกดดันอย่างต่อเนื่อง รวมถึง ความกังวลมาตรการของรัฐบาลเมียนมาส่งผลกระทบต่อบริษัทจดทะเบียนที่เข้าลงทุนหรือค้าขายในเมียนมา ทั้งกลุ่มรับเหมาก่อสร้าง อาทิ NRW , ITD และกลุ่มเครื่องดื่ม อาทิ CBG, OSPม MEGA
นอกจากนี้ ค่าเงินบาทเช้านี้อ่อนค่าลงไปอีกครั้งแตะ 36.70 บาท/ดอลลาร์ เป็นผลจากการที่ไทยปรับขึ้นดอกเบี้ยช้ากว่าประเทศอื่น
ให้แนวรับไว้ที่ 1,517 จุด แนวต้านที่ 1,535 จุด