SET ปิดเช้า 1,525.32 จุด ลดลง 19.49 จุด (-1.26%) มูลค่าการซื้อขายราว 31,165 ล้านบาท นักวิเคราะห์ฯเผยตลาดหุ้นไทยช่วงเช้าร่วงแรงกว่าตลาดอื่น จากปัจจัยในประเทศซ้ำเติมปัจจัยลบจากต่างประเทศที่ยังคงกดดันอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดแรงขายหุ้นขนาดใหญ่ รวมถึงหุ้นที่มีธุรกิจเกี่ยวข้องเมียนมา อีกทั้งหุ้นกลุ่มเนื้อหมู-เนื้อไก่ก็มีแรงขายออกมามาก ช่วงบ่ายคาดว่าตลาดอาจลงไปทดสอบ 1,520 จุดอีกครั้ง และแนวต้านให้ไว้ที่ 1,535-1,540 จุด
ตลาดหลักทรัพย์ ปิดช่วงเช้าที่ 1,525.32 จุด ลดลง 19.49 จุด (-1.26%) มูลค่าการซื้อขายราว 31,165 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนลบตลอดช่วงเช้า โดยทำระดับสูงสุด 1,541.55 จุด และระดับต่ำสุด 1,520.77 จุด
นางสาวธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรีพย์ บล.ฟิลลิป(ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวลงมากกว่าตลาดต่างประเทศ เนื่องจากมีปัจจัยในประเทศซ้ำเติมปัจจัยภายนอกที่ยังเป็นลบ โดยบ้านเรารับแรงขายหุ้นขนาดใหญ่ (Big Cap) และหุ้นที่มีธุรกิจเกี่ยวข้องกับเมียนมาหลายตัวปรับตัวลงแรงในลักษณะ Panic Sell เนื่องจากกังวลผลกระทบจากมาตรการภาครัฐของเมียนมาที่สกัดการไหลออกของเงินตราต่างประเทศ และกำลังซื้อในเมียนมาอาจลดลงจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ แต่ยังมองผลกระทบที่แท้จริงอาจไม่รุนแรง และคงไม่ได้กระทบกับผลประกอบการของบริษัทในกลุ่มดังกล่าวมากนัก
นอกจากนี้ จากที่กระทรวงพาณิชย์ได้ขอความร่วมมือให้ปรับลดราคาเนื้อหมูเนื้อไก่ ส่งผลให้ราคาหุ้นกลุ่มเนื้อหมูเนื้อไก่ปรับตัวลง ทั้ง TFG, CPF, GFPT ก็ยิ่งซ้ำเติมตลาดมากขึ้น
แนวโน้มตลาดช่วงบ่าย คาดว่ายังอยู่ในแดนลบต่อไป และอาจลงมาทดสอบแนวรับสำคัญที่ 1,520 จุดอีกครั้ง ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,535-1,540 จุด นอกจากนี้ยังต้องติดตามการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลที่เริ่มขึ้นในวันนี้เป็นวันแรก
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,985.50 ล้านบาท ปิดที่ 91.75 บาท ลดลง 3.50 บาท
PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 1,438.00 ล้านบาท ปิดที่ 160.50 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,391.02 ล้านบาท ปิดที่ 138.00 บาท ลดลง 3.00 บาท
BANPU มูลค่าการซื้อขาย 1,031.20 ล้านบาท ปิดที่ 12.70 บาท ลดลง 0.10 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 977.58 ล้านบาท ปิดที่ 34.25 บาท ลดลง 0.25 บาท