KCC อัดงบซื้อหนี้ต่อเนื่อง 400 ลบ./ปีในปี 66-67 จากปีนี้ลุยซื้อตามเป้า 800 ลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday July 19, 2022 15:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายทวี กุลเลิศประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บริหารสินทรัพย์ ไนท คลับ แคปปิตอล (KCC) เปิดเผยว่า บริษัทได้ตั้งงบลงทุนในการเข้าซื้อหนี้ในปี 66 และ 67 ไว้เบื้องต้นที่ 400 ล้านบาท/ปี เพื่อทำให้บริษัทมีหนี้ที่มีหลักประกันเข้ามาบริหารเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทตั้งเป้าจะมีหนี้ในพอร์ตที่บริหารอยู่ในปี 67 อยู่ที่มากกว่า 2.1 พันล้านบาท จากในช่วงไตรมาส 1/65 ที่มีพอร์ตหนี้ที่บริหารรวมกว่า 565.67 ล้านบาท ซึ่งทำให้ธุรกิจมีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 65 บริษัทยังคงเดินหน้าซื้อหนี้กลุ่มหนี้สินเชื่อภาคธุรกิจ (Coporate Loan) และกลุ่มหนี้สินเชื่อที่อยู่อาศัย (Housing Loan) จากสถาบันการเงินอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ บริษัทมองแนวโน้มในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ยังคงเห็นสถาบันการเงินต่างๆ เปิดประมูลหนี้เสียออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่ปริมาณอาจจะน้อยลงกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากในช่วงไตรมาส 1/65 สถาบันการเงินหลายรายได้มีการเปิดประมูลจำหน่ายหนี้เสียออกมาค่อนข้างมากแล้วว่า 5 หมื่นล้านบาท ทำให้แนวโน้มในครึ่งปีหลังปริมาณการประมูลหนี้น่าจะลดลง

บริษัทยังมีงบลงทุนที่รองรับการซื้อหนี้ NPL และ NPA เข้ามาบริหารอยู่ที่ 260 ล้านบาท จากงบลงทุนซื้อหนี้ในปี 65 ที่ตั้งไว้ 800 ล้านบาท ซึ่งครึ่งปีแรกได้ใช้เงินในการซื้อหนี้เข้ามาบริหารแล้ว 540 ล้านบาท โดยที่ปัจจุบันสัดส่วนพอร์ตระหว่างหนี้กลุ่มสินเชื่อภาคธุรกิจ และกลุ่มสินเชื่อที่อยู่อาศัยอยู่ที่ 70 : 30

ขณะเดียวกันโอกาสในการเข้าบริหารหนี้ใหม่ๆยังมีโอกาสอีกมากหลังจากบริษัทเข้าตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาเริ่มเห็นการเข้ามาพูดคุยและปรึกษาบริษัทในเรื่องการปรับโครงสร้างหนี้ของลูกหนี้กลุ่มธุรกิจจากสถาบันการเงินค่อนข้างมาก เนื่องจากเริ่มมีความรู้จักบริษัทมากขึ้น และทางสถาบันการเงินเป็นผู้แนะนำให้กับบริษัทช่วยเหลือให้คำปรึกษาแก่ลูกหนี้ เนื่องจากการช่วยเหลือและแก้ปัญหาของสถาบันการเงินมีข้อจำกัด

"บริษัทเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ลูกหนี้กลุ่มดังกล่าวเข้ามาติดต่อโดยตรง และทำให้สามารถซื้อหนี้ของลูกหนี้จากสถาบันการเงินที่ลูกหนี้ใช้บริการสินเชื่ออยู่เข้ามาได้ง่ายมากขึ้น และซื้อได้ในราคาที่ดี ส่งผลบวกต่อบริษัทในการที่มีหนี้เข้ามาบริหารในต้นทุนที่เหมาะสม และสามารถช่วยเหลือแก้ปัญหาให้กับลูกหนี้ได้ โดยที่จะเห็นการเข้ามาติดต่อของลูกหนี้โดยตรงกับบริษัทมากขึ้น"นายทวี กล่าว

นอกจากนี้ในส่วนของความร่วมมือกับพันธมิตรที่เป็นสถาบันการเงินในการบริหารหนี้ที่มีหลักประกันนั้น ทางบริษัทยังไม่ได้มีการเจรจากับสถาบันการเงินใดๆในการร่วมทุน เนื่องจากยังไม่สามารถหาโซลูชั่นและวิธีการที่เหมาะสมในการร่วมมือกันทำธุรกิจกันได้ ทำให้บริษัทยังไม่มีแผนในการร่วมมือกับสถาบันการเงินใดๆ แต่จะเน้นการซื้อหนี้เข้ามาบริหารเอง ซึ่งยังเป็นวิธีการที่ดีที่สุดในการดำเนินธุรกิจของบริษัท

ส่วนแนวโน้มของผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังคาดว่าจะยังคงเห็นการเติบโตขึ้นต่อเนื่อง โดยที่จะมีรายได้จากการเก็บหนี้ที่ซื้อมาในช่วงไตรมาส 2/65 เริ่มรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 3/65 เข้ามาเพิ่มเติม และลูกหนี้ที่บริษัทบริหารหนี้อยู่นั้นสามารถกลับมาชำระคืนหนี้ได้ตามปกติ หลังจากที่สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศคลี่คลายลงรวมถึงยังมีรายได้จากการขายทรัพย์ NPA ซึ่งยังมีการขายได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งทรัพย์ NPA ส่วนใหญ่ของบริษัทจะอยู่ในกรุงเทพฯและปริมณฑล

ขณะที่ผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 2/65 ที่ผ่านมานั้นยังเห็นการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และไตรมาส 1/65 เนื่องจากลูกหนี้ที่บริษัมทบริหารสามารถกลับมาชำระหนี้ได้ตามปกติกแล้ว และไม่มีมาตรการพักชำระหนี้เหมือนในปีก่อนแล้ว ทำให้บริษัทมีรายได้จากการเก็บหนี้ได้เพิ่มขึ้นกลับมา และหนุนต่อผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 2/65 และช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้

สำหรับการซื้อหนี้เข้าพอร์ตของบริษัทยังรมองในเรื่องของอัตราผลตอบแทนที่ดีเป็นสำคัญ โดยจะต้องมี Yiled ขั้นต่ำที่ 15% ของเงินลงทุน โดยที่หนี้กลุ่มสินเชื่อภาคธุรกิจเฉลี่ยที่บริษัทบริหารจะมี Yiled อยู่ที่ 15-25% และหนี้ในกลุ่มสินเชื่อที่อยู่อาศัยเฉลี่ยอยู่ที่ 15% และเป็น Yiled ที่บริษัทสามารถทำกำไรได้ในระดับที่ดี โดยที่มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 88% อัตรากำไรสุทธิที่ 39%

ด้านแหล่งเงินทุนของบริษัทนั้นังมีเงินลงทุนรองรับในการซื้อหนี้จาก IPO เหลืออยู่บางส่วน หลังจากที่ได้รับเงิน IPO มาราว 600 ล้านบาท โดยที่ใช้ซื้อหนี้เข้ามาบริหารแล้ว 190 ล้านบาท และเตรียมนำเงิน IPO อีก 350 ล้านบาท จะนำไปชำระคืนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดในเดือนต.ค.ที่จะถึงนี้ ทำให้บริษัทมีภาระหนี้สินและค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยลดลง และยังสามารถกู้เงินจากธนาคารนำมาใช้ซื้อหนี้ได้ ส่งผลให้บริษัทมีความพร้อมในการเข้าซื้อหนี้เมื่อเห็นโอกาสที่เหมาะสม


แท็ก ประกัน   ลุย  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ