นายพอล วอง ชี คิน กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย (CIMBT) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของกลุ่มธนาคาร สำหรับงวด 6 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.65 มีกำไรสุทธิจำนวน 2,115.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 1,160.7 ล้านบาท หรือ 121.6% เมื่อเปรียบเทียบผลกำไรสุทธิของงวดเดียวกันปี 2564 สาเหตุหลักเกิดจากการควบคุมค่าใช้จ่ายที่ดีขึ้นส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลง 7.4% และผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นลดลง 63.7% ในขณะที่รายได้จากการดำเนินงานลดลง 1.3%
รายได้จากการดำเนินงาน 7,105.7 ล้านบาท ลดลง 94.9 ล้านบาท หรือ 1.3% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันปี 64 เนื่องจากการลดลงของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ 417.3 ล้านบาท หรือ 8.2% เป็นผลจากการลดลงของรายได้ดอกเบี้ยจากเงินให้สินเชื่อและธุรกิจเช่าซื้อ ในขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิเพิ่มขึ้น 178.9 ล้านบาท หรือ 26.7% สาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของค่าธรรมเนียมจากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ประกันภัย รายได้อื่นเพิ่มขึ้น 143.5 ล้านบาท หรือ 9.9% ส่วนใหญ่เกิดจากการเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิจากเครื่องมือทางการเงินที่วัดมูลค่าด้วยมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรหรือขาดทุนและรายได้อื่น สุทธิกับการเพิ่มขึ้นของขาดทุนจากเงินลงทุน
ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันปี 64 ลดลง 229.7 ล้านบาท หรือ 7.4% เนื่องจากการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการเพื่อควบคุมค่าใช้จ่ายที่ดีขึ้น ทำให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อรายได้จากการดำเนินงานสำหรับงวด 6 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.65 อยู่ที่ 52.8% ปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 64 อยู่ที่ 56.3%
อัตราส่วนรายได้ดอกเบี้ยสุทธิต่อสินทรัพย์เฉลี่ย (Net Interest Margin ? NIM) สำหรับงวดหกเดือนปี 65 อยู่ที่ 2.8% ลดลงจากงวดเดียวกันปี 64 อยู่ที่ 3.2% เป็นผลจากการลดลงของรายได้ดอกเบี้ยจากเงินให้สินเชื่อและธุรกิจเช่าซื้อ
วันที่ 30 มิ.ย.65 เงินให้สินเชื่อสุทธิจากรายได้รอตัดบัญชี (รวมเงินให้สินเชื่อซึ่งค้ำประกันโดยธนาคารอื่นและเงินให้สินเชื่อแก่สถาบันการเงิน) ของกลุ่มธนาคารอยู่ที่ 220.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.9% เมื่อเทียบกับเงินให้สินเชื่อ ณ วันที่ 31 ธ.ค.64 กลุ่มธนาคารมีเงินฝาก (รวมตั๋วแลกเงิน หุ้นกู้ และผลิตภัณฑ์ทางการเงินบางประเภท) จำนวน 282.9 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.1% จากสิ้นปี 64 ซึ่งมีจำนวน 239.5 พันล้านบาท อัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝาก (the Modified Loan to Deposit Ratio) ของกลุ่มธนาคารลดลงเป็น 77.8% จาก88.5%ณ วันที่ 31 ธ.ค.64
สินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPLs) อยู่ที่ 7.4 พันล้านบาท อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพ ต่อเงินให้สินเชื่อทั้งสิ้นอยู่ที่ 3.3% ลดลงเมื่อเทียบกับ ณ วันที่ 31 ธ.ค.64 อยู่ที่ 3.7% สาเหตุหลักจากการขายสินเชื่อด้อยคุณภาพในงวด 6 เดือนปี 65 การบริหารจัดการความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพ การปรับปรุงการบริหารคุณภาพสินทรัพย์และกระบวนการในการเก็บหนี้
อัตราส่วนค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพ ณ วันที่ 30 มิ.ย.65 อยู่ที่ 114.3% ลดลงจากสิ้นปี 64 ซึ่งอยู่ที่ 117.5% ค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นของกลุ่มธนาคารอยู่ที่จำนวน 7.7 พันล้านบาท ซึ่งเป็นเงินสำรองส่วนเกินตามเกณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทยจำนวน 1.5 พันล้านบาท
เงินกองทุนรวมของกลุ่มธนาคาร ณ สิ้นวันที่ 30 มิ.ย.65 มีจำนวน 53.8 พันล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนเงินกองทุนรวมต่อสินทรัพย์เสี่ยง 21.6% โดยเป็นอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่ 15.7%