KKP ดีดขึ้น 3.72% หรือเพิ่มขึ้น 2.25 บาท มาที่ 62.75 บาท มูลค่าซื้อขาย 175.29 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.14 น.จากราคาเปิด 62.00 บาท ราคาสูงสุด 63.00 บาท ราคาต่ำ62.00 บาท
บล.เคจีไอ (ประเทศ) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า กำไรสุทธิของธนาคารเกียรตินาคิน (KKP) ในไตรมาส 2/65 อยู่ที่ 2.0 พันล้านบาท (-1% QoQ แต่ +50% YoY) ดีกว่าประมาณการของเรา และ consensus ประมาณ 8% เนื่องจากยอดกันสำรองน้อยกว่าที่คาด ทำให้กำไรสุทธิในงวดครึ่งแรกปี 65 อยู่ที่ 4.1 พันล้านาท (+45%) คิดเป็น 65% ของประมาณการกำไรปีนี้ของเรา
เนื่องจากกำไรในครึ่งแรกของปี 65 คิดเป็น 65% ของประมาณการกำไรปีนี้ของเรา และราคาหุ้นที่ไม่แพงเป็นโอกาสให้เข้าซื้อ ดังนั้น จึงยังคงคำแนะนำ "ซื้อ" KKP
ทั้งนี้ รายได้จากสินเชื่อยังแข็งแกร่ง โดยสินเชื่อที่ขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง (+3% QoQ และ +20% YoY) ทำให้ NII เพิ่มขึ้น 4% QoQ และ 18% YoY ในไตรมาส 2/65 และเพิ่มขึ้น 15% YoY ในงวดครึ่งแรปี 65 โดยสินเชื่อบ้านเพิ่มขึ้นมากที่สุด (+9% QoQ และ +44% YoY) รองลงมาคือสินเชื่อ H/P (+5% QoQ และ +24% YoY)
ภาวะตลาดทุนที่ผันผวนทำให้รายได้ค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุนลดลงทั้งในส่วนของค่าธรรมเนียมนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ และวาณิชธนกิจ (IB) ในขณะเดียวกัน รายได้จากพอร์ตการลงทุนโดยตรงทำให้มีการบันทึกผลขาดทุนตามราคาตลาด (MTM) 136 ล้านบาท แต่ถูกชดเชยด้วยการบันทึกกำไร 168 ล้านบาท จากการทำ arbitrage ของพอร์ตการลงทุน ทั้งนี้ MTM ของพอร์ตการลงทุนบันทึกผ่านส่วนผู้ถือหุ้น แต่กำไรจากการ trading บันทึกผ่านงบกำไรขาดทุน
ผลขาดทุนจากากรขายรถที่ยึดมาซึ่งลดลงมาสองไตรมาสกลับมาเพิ่มขึ้นเป็น 333 ล้านบาทในไตรมาส 2/65 (จาก 251 ล้านบาทในไตรมาส 1/65 และ 489 ล้านบาทใน 4Q64) ซึ่งขาดทุนสูงสุดไตรมาส 3/65 จำนวน 613 ล้านบาท ทั้งนี้ผลขาดทุนที่เพิ่มขึ้นในไตรมาสนี้ และชี้ให้เห็นว่าธุรกิจ H/P ยังผันผวนอยู่
NPL เพิ่มขึ้น 8% QoQ และ 6% YoY โดย NPL ของสินเชื่อ H/P เพิ่มขึ้นมากที่สุด (+14% QoQ และ +6% YoY) ในขณะที่ของสินเชื่อกลุ่มอื่น ๆ เพิ่มขึ้นไม่มากนัก ทั้งใน NPL ของสินเชื่อ H/P ที่เพิ่มขึ้นเป็นทิศทางเดียวกันกับของ TISCO ซึ่งน่าจะเป็นการสะท้อนถึงการที่มีลูกหนี้ที่อ่อนแอบางรายไม่สามารถชำระหนี้ตามกำหนดได้เมื่ออกจากโครงการผ่อนผันหนี้ในช่วงที่ค่าครองชีพสูงขึ้นมากจากการที่ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่า NPL จะเพิ่มขึ้นมาก แต่ KKP ยังมีส่วนรองรับหนี้เสียค่อนข้างมาก (NPL coverage อยู่ที่ 152% ใน Q2/65) ทำให้ธนาคารยังคงบริหารจัดการระดับหนี้เสียได้