JMT ปรับขึ้น 3.20% หรือ เพิ่มขึ้น 2.25 บาท มาที่ 72.50 บาท มูลค่าซื้อขาย 333.76 ล้านบาท เมื่อเวลา 11.44 น. จากราคาเปิด 70.50 บาท ราคาสูงสุด 72.75 บาท ราคาต่ำสุด 70.25 บาท
บล.เคทีบีเอสที ระบุในบทวิเคราะห์ว่า คาดกำไรสุทธิในไตรมาส 2/65 ของ บมจ.เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส (JMT)เติบโตดี และต่อเนื่องครึ่งหลังปี 65 ทั้งกองหนี้ที่เพิ่ม และรับรู้รายได้ส่วนแบ่งจาก JKAM
ยังคำแนะนำ"ซื้อ" ราคาเป้าหมาย 100 บาทอิงวิธี GGM ได้ 2023E PBV ที่ 6.2x จากผลการดำเนินงานไตรมาส 2/65 ที่จะขยายตัวต่อเนื่องตามคาด โดยเราประเมินกำไรสุทธิไตรมาส 2/65 ที่ 401 ล้านบาท (+39% YoY, +9% QoQ) จากการเข้าซื้อกองหนี้เสียเพิ่มขึ้นที่ต้นทุน 750 ล้านบาท และ cash collection ที่ทรงตัว QoQ ในระดับสูง ขณะที่ค่าใช้จ่ายสารองเพิ่มขึ้นตามขนาดกองหนี้ secured loan ที่สูงขึ้น และรับรู้ขาดทุนจากการจ่ายสินไหมประกันภัย COVID-19
ทั้งนี้เราประเมินผลการดำเนินงานจะขยายตัวต่อเนื่อง YoY และ HoH ในครึ่งหลังปี 65 จากการเข้าซื้อหนี้เสียที่เพิ่มขึ้นตามปัจจัยฤดูกาล, ต้นทุนทางการเงินที่ลดลงจากการจ่ายชำระคืนหุ้นกู้ และเริ่มรับรู้รายได้จาก JKAM ในไตรมาส 4/65
คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2565 ที่ 2.2 พันล้านบาท (+58% YoY) จากการเข้าซื้อหนี้เสียมาบริหารที่สูงถึง 1.0 หมื่นล้านบาท, รายได้รับจ้างติดตามหนี้ที่กลับมาขยายตัวจากที่หดตัวในปี 2563-2564 และรับรู้รายได้ส่วนแบ่งจาก JKAM ราคาหุ้น underperform SET -5% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา จากความกังวลต่อความสามารถในการติดตามหนี้ช่วงที่เงินเฟ้อเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตามเราแนะนำ "ซื้อ" จาก cash collection ที่จะอยู่ในระดับสูง และผลการดำเนินงานที่จะขยายตัวสูงถึง 2023E-2025E EPS CAGR ที่ +26% จากการเข้าซื้อหนี้เสียที่เพิ่มขึ้นทาสถิติใหม่ และรับรู้รายได้จากการร่วมทุน JKAM ซึ่งเราประเมินว่ามีศักยภาพ และประสิทธิภาพในการเข้าซื้อ และบริหารกองหนี้เสียขนาดใหญ่