นายชาคริต ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บมจ.ซีแพนเนล (CPANEL) เปิดเผยว่า บริษัทคาดผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังจะเติบโตได้ดีขึ้นกว่าช่วงครึ่งปีแรก โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการปรับปรุงเครื่องจักรที่ช่วยเพิ่มกำลังการผลิตได้ 5-10% ส่งผลให้มีโอกาสในการรับงานมากขึ้น และส่งมอบงานให้กับโครงการต่างๆ ได้เร็วขึ้น
ขณะนี้บริษัทมีงานในมือ (Backlog) รวม 1,172.40 ล้านบาทที่จะสามารถรับรู้รายได้ทั้งหมดภายใน 2-3 ปี และยังมีลูกค้าที่สนใจใช้ Precast Concrete อยู่ระหว่างการเจรจาอีกหลายราย คาดว่าในช่วงที่เหลือของปีนี้จะมีงานเข้ามาเพิ่มไม่ต่ำกว่า 100-200 ล้านบาท โดยสัดส่วนรายได้ของบริษัทแบ่งเป็นลูกค้าที่เป็นโครงการแนวราบ 90% และแนวสูง 10%
นายชาคริต กล่าวว่า ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในครึ่งปีหลังมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากจำนวนบ้านจัดสรรเปิดใหม่ในพื้นที่ Bangkok Metropolitan Region (BMR) หรือพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑลบางส่วน รวมถึงมูลค่าการโอนบ้าน คาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง ปัจจัยหนุน อาทิ การเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ ที่เป็นปัจจัยหนุนหลักให้เศรษฐกิจในประเทศกลับมาฟื้นตัว ในขณะเดียวกันภาครัฐยังไรปลดล็อกเกณฑ์สินเชื่อบ้าน LTV ลดค่าธรรมเนียมธุรกรรมการโอนที่อยู่อาศัย ซึ่งช่วยกระตุ้นกำลังซื้ออย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยเสี่ยง คือ การขาดแคลนแรงงาน อัตราเงินเฟ้อสูง การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ซึ่งผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ยังคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด แต่อีกด้านหนึ่งมองว่าจะเป็นส่วนหนุนให้ความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์แผ่นคอนกรีตสำเร็จรูป (Precast) เร่งตัวขึ้น เนื่องจากผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์จำเป็นต้องลดต้นทุนการก่อสร้าง ลดจำนวนแรงงาน บริหารความเสี่ยง ลดเวลาการก่อสร้างเพื่อลดการสต็อก จึงถือเป็นโอกาสของบริษัท สำหรับภาพรวมทั้งปีบริษัทคาดว่าจะมีรายได้เติบโตขึ้นไม่ต่ำกว่า 25% หรือมีรายได้ประมาณ 400 ล้านบาท และคาดว่ากำไรสุทธิจะสามารถทำสถิติสูงสุดใหม่อย่างต่อเนื่อง ด้วยระบบการผลิตที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น และมุ่งเน้นความสามารถทำกำไร ลดต้นทุน ควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างต่อเนื่อง
"เราไม่กังวลภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่เกิดขึ้นนะ ประเทศไทยเราก็ไม่กลัวว่าจะแย่เพราะปัจจุบันถือว่ามีเงินทุนสำรองระหว่างประเทศค่อนข้างมาก ส่วนหนี้ที่เกิดขึ้นคือ กลุ่มรากหญ้าเป็นส่วนใหญ่ แต่ในส่วนของกลุ่มกลางบนยังถือว่ามีกำลังซื้อ ซึ่งเราก็มองว่ากลุ่มที่จะเข้ามาหนุนตลาดอสังหาริมทรัพย์จะเป็นกลุ่มของกลางบนเป็นหลัก"นายชาคริต กล่าว