นางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก (OR) เปิดเผยว่า ในครึ่งปีหลังนี้ บริษัทมีแผนเข้าร่วมลงทุนในธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม (F&B), ธุรกิจการบริการ และธุรกิจสตาร์อัพ โดยจะมีขนาดของธุรกิจตั้งแต่ระดับองค์กร ขนาดย่อย (SMEs) และสตาร์อัพ คาดว่าจะสามารถปิดดีลได้อย่างน้อย 5 ราย ซึ่งแหล่งเงินทุนดังกล่าวจะอยู่ในงบลงทุนรวม 5 ปี (65-69) ที่ 96,000 ล้านบาท ซึ่งจะมุ่งเน้นการลงทุนไปในธุรกิจที่ไม่ใช่น้ำมัน (non oil)
ขณะที่ปริมาณการจำหน่ายน้ำมันในปี 65 บริษัทคาดว่าจะมีการเติบโตได้อย่างน้อย 8-10% จากปีก่อน โดยในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มียอดการจำหน่ายน้ำมันเติบโต 6-8% แล้ว ซึ่งมีปัจจัยหนุนมาจากเศรษฐกิจฟื้นตัวดีขึ้น ทำให้มีความต้องการใช้น้ำมันมากขึ้นตามไปด้วย ขณะที่ซัพพลายขาดตลาดจากปัญหาสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ก็ส่งผลให้ราคาน้ำมันสูงขึ้นตาม และด้วยการเข้ามาใช้สถานีบริการน้ำมันของ PTT ที่เพิ่มขึ้นก็ส่งผลในเชิงบวกต่อยอดขาย Non-Oil
ครึ่งปีหลังนี้ คาดว่าปริมาณการจำหน่ายน้ำมันจะเติบโตต่อเนื่อง จากไตรมาส 3/65 ที่มีวันหยุดค่อนข้างมาก และในไตรมาส 4/65 ก็จะเข้าสู่ช่วงของไฮซีซันของการท่องเที่ยว ประกอบกับด้วยราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลงในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา จะปัจจัยบวกที่กระตุ้นให้มีการเดินทางที่เพิ่มขึ้นอีกด้วย
ด้านค่าการตลาดน้ำมันดีเซลและเบนซิน ปัจจุบันในส่วนของดีเซลภาครัฐยังคงให้การดูแลโดยควบคุมราคาไม่ให้เกินระดับ 35 บาทต่อลิตร ขณะที่เบนซินพื้นฐาน สำนักนโยบายและแผนพลังงานนั้น ยังคงใช้นโยบายเดิม
สำหรับแผนการขยายสถานีบริการน้ำมันในช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัทจะขยายอีกราว 50 สาขา จากปัจจุบันอยู่ที่ 2,080 สาขา (เฉพาะในประทศไทย) ส่งผลให้สิ้นปีนี้จะเพิ่มเป็น 2,130 สาขา ส่วนแผนการขยายสาขาในต่างประเทศนั้น เบื้องต้นคาดว่าจะมีการขยายไปยังประเทศใหม่อย่างน้อย 1 ประเทศ จากปัจจุบันที่มีการขยายสถานีบริการน้ำมันไปแล้วมากกว่า 10 ประเทศ
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ วางเป้าหมายภายในปี 73 จะมีการขยายสถานีบริการน้ำมันให้ครอบครุมกว่า 100 ประเทศ ผ่านการหาพันธมิตรท้องถิ่นที่มีศักยภาพเพื่อร่วมลงทุน และการขายแฟรนไชส์
ด้านการติดตั้งสถานีชาร์จไฟฟ้า (EV Station PluZ) มั่นใจว่าจะติดตั้งได้ครบ 450 แห่งทั่วประเทศไทยภายในสิ้นปี 65 ตามแผน จากปัจจุบันได้ติดตั้งสถานีชาร์จไฟฟ้ากว่า 100 แห่ง แบ่งเป็น 90% อยู่บนพื้นที่ในสถานีบริการ พีทีที สเตชั่น และ 10% จะอยู่ภายนอกสถานีบริการ PTT เช่น ในมหาวิทยาลัย ห้างสรรพสินค้า โรงแรม เพื่อให้ตลอดเส้นทางเดินทางทั่วไทย มีจุดชาร์จรองรับ และจะเริ่มคิดค่าบริการที่จุดชาร์จในเดือน ส.ค.65 เป็นต้นไป
นอกจากนี้ ศูนย์บริการยานยนต์ FIT Auto จะสามารถให้บริการซ่อมรถ EV ได้ โดยจะร่วมมือกับค่ายรถยนต์ต่าง ๆ ที่ทยอยเปิดตัวเข้ามาทำตลาด EV ในไทย รวมถึงได้เปิด ศูนย์ฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ FIT Auto เพื่อพัฒนาทักษะบุคลากรที่ปฏิบัติงานประจำศูนย์บริการยานยนต์ FIT Auto และเชื่อมโยงการให้บริการไปบนดิจิทัลแพลตฟอร์ม
นางสาวจิราพร กล่าวถึงกรณีวิกฤตการเงินในเมียนมาว่า บริษัทไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว ซึ่งในปัจจุบันบริษัทมีธุรกิจอยู่ในเมียนมา 2 ธุรกิจ ได้แก่ โครงการร่วมทุนธุรกิจคลังและค้าส่งปิโตรเลียม (LPG) ที่ปัจจุบันมีการก่อสร้างไปแล้วกว่า 80% ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทยังไม่มีปัญหาในเรื่องของการชำระเงินให้กับผู้รับเหมา และแฟรนไชส์ คาเฟ่ อเมซอน จำนวน 6 สาขา ซึ่งยังคงดำเนินกิจการได้ตามปกติ