นายเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ (LEO) เปิดเผยว่า บริษัทศึกษาแนวทางการจัดตั้งบริษัทโฮลดิ้ง (Holding Company) เพื่อที่จะต่อยอดธุรกิจ Non-Logistic และเพิ่มความคล่องตัว โดยบริษัทเจรจาดีลดธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการเจรจาร่วมการค้ากับบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ 2 แห่ง และมีดีล M&A กับบริษัทในประเทศที่คาดว่าจะมีข้อสรุปภายในปีนี้ 1 แห่ง วางงบประมาณทำดีลรวม 400-500 ล้านบาท
ขณะที่ ล่าสุด LEO ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจร่วมกับวิสาหกิจชุมชนสุขฤทัย เกษตรปลอดภัย ณ หุบป่าตาด อำเภอลานสัก จังหวัดอุทัยธานี เพื่อสนับสนุนโครงการเพาะพันธุ์ปลูกขายต้นกล้ากัญชา เป็นการต่อยอดธุรกิจของกลุ่ม LEO ไปสู่ธุรกิจใหม่ๆ ในกลุ่ม Non-logistics ซึ่งจากกระแสความนิยมกัญชง-กัญชาที่สามารถนำสารสกัดไปเป็นวัตถุดิบและสารตั้งต้น เพื่อใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ยา เครื่องดื่ม เครื่องสำอางและอาหารได้ ส่งผลให้บริษัทสนใจศึกษาธุรกิจและวางแผนต่อยอดผลิตผลิตภัณฑ์จากกัญชงและกัญชาให้เป็นหนึ่งในธุรกิจใหม่ของบริษัทในอนาคต พร้อมทั้งมีส่วนช่วยเหลือสังคมและชุมชนในจังหวัดอุทัยธานีให้มีงานทำและมีรายได้ที่มั่นคงตลอดไป
"เราอยากจะทำธุรกิจนี้ในส่วนของต้นน้ำและกลางน้ำ ต้นน้ำคือเราจะเพาะต้นกัญชาและกัญชง เพราะปัญหาของผลผลิตกัญชาที่ศึกษาเป็นเรื่องของมาตรฐานของผลผลิต ดังนั้นเราจึงต้องมาเริ่มที่การปลูกให้ได้มาตรฐานก่อน ส่วนกลางน้ำคือเราจะสกัด เพื่อจำหน่ายไปสู่อุตสาหกรรมที่ใช้กัญชาเป็นส่วนประกอบ แต่ในส่วนปลายน้ำที่เป็นผลิตภัณฑ์ของเราเองอยู่ในอีกขั้นนึงเพราะว่าต้องมองหาช่องทางและต้นทุนค่อนข้างสูง" นายเกตติวิทย์ กล่าว
บริษัทได้มอบเงิน 1,500,000 บาท สนับสนุนแผนลงทุนขยายเพาะพันธุ์ต้นกล้ากัญชาทั้งสายพันธุ์ไทย และสายพันธุ์นอกต่อเนื่องรวมจำนวน 100,000 ต้น เพื่อจัดจำหน่ายผ่านช่องทางต่างๆ และยังเป็นการสร้างอาชีพให้กับชุมชน สามารถมีรายได้ และพึ่งตนเองได้ โดยจะเปิดเป็นศูนย์เรียนรู้ฟาร์มเพาะปลูกกัญชาแบบเกษตรอินทรีย์ปลอดสารพิษให้แก่ผู้สนใจ และลูกค้าของบริษัทเข้าเยี่ยมชมตลอดฤดูกาล ด้านนายไกรราช เล่าเกษตรวิทย์ ประธานวิสาหกิจชุมชนสุขฤทัยเกษตรปลอดภัย กล่าวว่า ทางวิสาหกิจชุมชนสุขฤทัย เกษตรปลอดภัยยังมีแผนธุรกิจที่จะทำการปลูกกัญชาเพื่อให้ได้ช่อดอก และนำมาผลิตและจำหน่ายเพื่ออุตสาหกรรมทางการแพทย์ในลักษณะต้นน้ำและกลางน้ำ เพื่อสร้างรายได้และอาชีพให้กับชุมชนของวิสาหกิจฯ ได้อย่างยั่งยืน โดยที่ทาง LEO ก็ยินดีที่จะร่วมสนับสนุนในการพัฒนาธุรกิจนี้ต่อไป
ปัจจุบัน วิสาหกิจชุมชนสุขฤทัย เกษตรปลอดภัย ตั้งอยู่ในตำบลสุขฤทัย อำเภอห้วยคต จังหวัดอุทัยธานี มีพื้นที่เพาะปลูกในโรงเรือนขนาด 360 ตารางเมตร (12 X 30 เมตร) จำนวน 10 โรงเรือนควบคุมด้วยระบบ "เกษตรอัจฉริยะ" สามารถกำหนดและควบคุมปัจจัยการปลูกต้นกัญชา เช่น อุณหภูมิ แสงแดด ไฟฟ้า น้ำ ดิน ความชื้นและศัตรูพืชได้อย่างอัตโนมัติ เพื่อให้ได้ผลผลิตจากต้นกัญชาอย่างมีคุณภาพ อีกทั้ง วิสาหกิจชุมชนสุขฤทัย เกษตรปลอดภัย ยังได้รับใบอนุญาตผลิตและปลูกกัญชา และใบอนุญาตจำหน่ายกัญชาเพื่อใช้ทางการแพทย์ (กรณีจำหน่ายวัตถุดิบพืช) เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
นอกจากนั้น นายเกตติวิทย์ ได้เปิดเผยถึงทิศทางธุรกิจ LEO ในครึ่งปีหลังว่า ในไตรมาส 3 เป็นช่วงที่การขนส่งของโลกคึกคักที่สุด เชื่อว่าบริษัทจะทำรายได้รวมเป็นสถิติใหม่แน่นอน และอาจจะมีการปรับเพิ่มเป้าหมายในปีนี้ด้วย