นายรัชต์ชยุตม์ นันทโชติโสภณ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานพัฒนาธุรกิจ บมจ.เอพี ไทยแลนด์ (AP) เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 65 บริษัทวางแผนเปิดโครงการบ้านเดี่ยวใหม่อีก 17 โครงการ มูลค่ารวม 2.4 หมื่นล้านบาท หลังจากที่ครึ่งปีแรกเปิดโครงการบ้านเดี่ยวไปแล้ว 6 โครงการ มูลค่า 8.62 พันล้านบาท
ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทจะเริ่มหันมารุกพัฒนาบ้านเดี่ยวระดับราคาต่ำลงมาที่ 3-5 ล้านบาทเพิ่มเข้ามาในพอร์ตภายใต้แบรนด์ใหม่ คือ MODEN ใน 3 ทำเลศักยภาพ ได้แก่ บางนา-ศรีนครินทร์ พระราม 2 และบางนา-เทพารักษ์ ที่จะเข้ามาเสริมในการขยายฐานลูกค้าบ้านเดี่ยวกลุ่มใหม่
นายรัชต์ชยุตม์ กล่าวว่า ความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยแนวราบยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่ต้องการซื้อบ้านเพื่ออยู่อาศัยจริง และเทรนด์ของกลุ่มลูกค้าทาวน์เฮาส์ต้องการขยับขยายบ้านที่มีพื้นที่ความเป็นส่วนตัวมากขึ้น รวมถึงกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ที่เริ่มมองหาซื้อบ้านเดี่ยวมากขึ้น ทำให้บริษัทเล็งเห็นถึงช่องว่างของตลาดบ้านเดี่ยวระดับ 3-5 ล้านบาทที่ยังคงมีโอกาสขยายกลุ่มลูกค้าใหม่ๆเข้ามาเสริม เพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องในด้านยอดขายและยอดโอนให้กับบริษัท รวมทั้งรักษาความเป็นผู้นำในตลาดบ้านเดี่ยวอย่างต่อเนื่อง
สำหรับยอดขายในช่วงครึ่งปีแรกของกลุ่มบ้านเดี่ยวอยู่ที่ 2.05 หมื่นล้านบาท เติบโตขึ้นกว่า 25% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมั่นใจว่าจะเห็นการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องของยอดขายย้านเดี่ยวในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าจะทำได้ตามเป้า 3.8 หมื่นล้านบาท จากการเปิดโครงการใหม่มากขึ้น ท่ามกลางภาวะที่มีปัจจัยกดดันเข้ามา เช่น อัตราเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูง แนวโน้มของทิศทางดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น แต่บริษัทยังเห็นความต้องการซื้อบ้านเดี่ยวในตลาดยังมีอยู่ต่อเนื่อง เป็นแรงหนุนต่อการขายบ้านเดี่ยวในช่วงครึ่งปีหลัง
ส่วนต้นทุนการก่อสร้างที่ปรับเพิ่มขึ้นมา มองว่าเป็นปัจจัยชั่วคราว ซึ่งปัจจุบันทางบริษัทสามารถควบคุมต้นทุนการก่อสร้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้ราคาขายบ้านเดี่ยวไม่ได้รับผลกระทบมากนัก แม้เป็นโจทย์ที่มีความท้าทายสำหรับการพัฒนาบ้านเดี่ยวระดับราคา 3-5 ล้านบาทที่บริษัทต้องการขยายตลาด เพราะช่วงราคาระดับนี้จะต้องคิดและพิจารณาบริหารต้นทุนอย่างรอบคอบ เพื่อพัฒนาบ้านที่ดีและมีคุณภาพส่งมอบให้กับลูกค้าในต้นทุนจำกัด แตกต่างจากบ้านหรูที่สามารถลงทุนพัฒนาได้อย่างเต็มที่