นายวิชาญ จิตร์ภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอสซีจี แพคเกจจิ้ง (SCGP) เปิดเผยว่า บริษัทปรับเป้ารายได้ปีนี้เพิ่มเป็น 150,000 ล้านบาท จากเดิมวางเป้าหมายไว้ 140,000 ล้านบาท โดยครึ่งปีแรกมีรายได้จากการขาย 74,616 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการเติบโตของทุกสายธุรกิจ และการรวมผลดำเนินงานของธุรกิจที่ซื้อกิจการเข้ามา ได้แก่ Duy Tan, Intan Group และ Deltalab รวมถึงปริมาณความต้องการบรรจุภัณฑ์กระดาษและบรรจุภัณฑ์อาหารปรับตัวเพิ่มขึ้น
ขณะที่คาดว่าผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังจะเติบโตต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก ตามภาพรวมความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ของทั้งในประเทศและภูมิภาคอาเซียนมีแนวโน้มที่ดีขึ้น เนื่องจากนโยบายเปิดประเทศช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างความคึกคักให้กับการท่องเที่ยว รวมถึงธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ทำให้ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นในการจับจ่ายใช้สอยสินค้าอุปโภคบริโภค
นอกจากนั้น ความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์จากอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในหมวดสินค้าแช่แข็ง อาหารกระป๋อง และอาหารสำหรับสัตว์เลี้ยงที่มีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง เป็นปัจจัยเชิงบวกต่อความต้องการบรรจุภัณฑ์ อีกทั้งบริษัทยังเตรียมปรับราคาขายบรรจุภัณฑ์จากวัสดุสมรรถนะสูงและพอลิเมอร์ขึ้นด้วย
อย่างไรก็ตาม นายวิชาญ กล่าวว่า บริษัทยังคงต้องติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจโลกและปัจจัยต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้งอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น ภาวะเศรษฐกิจถดถอยและความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน ที่มีผลต่อราคาพลังงานในตลาดโลก โดยคาดว่าราคาพลังงานครึ่งปีหลังมีแนวโน้มอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง ส่วนเงินบาทที่อ่อนค่าลงมาก บริษัทยืนยันว่ายังไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากฝ่ายขายยังสามารถรักษาสมดุลระหว่าง Import และ Export ได้ดี
นายวิชาญ เปิดเผยอีกว่า บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อเข้าลงทุนในลักษณะการสร้างการเติบโตร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจ (Merger and Partnership : M&P) จำนวน 2 ดีล ซึ่งยังอยู่ระหว่างการประเมินว่าจะสามารถปิดดีลได้ภายในสิ้นปีนี้หรือไม่ โดยวางงบลงทุนไว้ราว 4,000 ล้านบาท
สำหรับงบลงทุนทั้งปีบริษัทวางไว้ที่ 20,000 ล้านบาท โดยครึ่งปีแรกใช้ไปแล้ว 3,100 ล้านบาท โดยใช้ในการลงทุน M&P รวมราว 13,000 ล้านบาท แบ่งเป็น ในส่วนของ Peute ธุรกิจรีไซเคิลวัสดุบรรจุภัณฑ์รายใหญ่ในยุโรป ที่สามารถปิดดีลไปแล้วในช่วงที่ผ่านมา, การชำระเงินที่เหลือของ Duytan รวมถึงการขยายการลงทุนแบบออร์แกนิกของการลงทุนหลักใน North Vn (Packaging paper production base) และ Fiber packaging ในไทย
อนึ่ง SCGP รายงานผลประกอบการไตรมาส 2/65 มีกำไรสุทธิ 1.86 พันล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.43 บาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2.26 พันล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.53 บาท