นายกรณ์ ชินสวนานนท์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.แรบบิท ประกันชีวิต กล่าวว่า หลังจากกลุ่มบมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) เข้ามาถือหุ้นในบมจ.แอ๊ดวานซ์ ไลฟ์ ประกันชีวิต ผ่านบมจ.ยู ซิตี้ (U) ในสัดส่วน 75% และเปลี่ยนชื่อเป็น "แรบบิท ไลฟ์" ซึ่งได้มีการวางแผนกลยุทธ์ในการผลักดันเดินหน้าธุรกิจประกันชีวิตด้วยวิสัยทัศน์การเป็นบริษัท "คิดแตกต่าง เพื่อยกระดับชีวิต ด้วยประกันชีวิตที่ตอบโจทย์และเข้าใจง่าย" โดยมีเป้าหมายการเป็นผู้นำในธุรกิจประกันชีวิต ที่เข้าใจทุกความเปลี่ยนแปลงและสามารถตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของรูปแบบการซื้อประกัน และพร้อมเดินเคียงข้าง "ให้คุณกล้าโดดออกไปใช้ชีวิตดี แบบก้าวกระโดด"
โดยบริษัทตั้งเป้าภายในปี 68 จะขึ้นมาเป็นบริษัทประกันชีวิต 1 ใน 10 ของประเทศไทย ปัจจุบันมีบริษัทประกันชีวิตในประเทศไทยที่ดำเนินกิจการอยุ่กว่า 20 แห่ง โดยที่การผลักดันให้บริษัทขึ้นมาเป็น 1 ใน 10 บริษัทประกันในประเทศได้นั้น จะต้องมีการผลักดันในเรื่องของเบี้ยประกันชีวิตรวม ที่ตั้งเป้าเพิ่มเป็น 1 หมื่นล้านบาท ในปี 68 หรือคิดเป็นส่วนแบ่งตลาด (Market share) อยู่ที่ 1% ของอุตสาหกรรม และจะต้องมีการผลักดันในเรื่องการเติบโตของเบี้ยรับใหม่ในปี 68 ให้เพิ่มขึ้นมาที่ 6 พันล้านบาท
ขณะเดียวกันการออกแบบผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่นำเสนอให้แก่ลูกค้ายังคงเป็นสิ่งสำคัญ โดยจากการวิจัยทางการตลาดของบริษัทพบว่าปัจจุบันคนรุ่นใหม่มีการใช้ชีวิตแบบ New Mindset ในการทำประกันที่นึกถึงตัวเองมากขึ้น เพื่อตอบสนองกับการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไปในหลากหลายมิติ เนื่องจากในช่วง 2 -3 ปีที่ผ่านมา ทั่วโลกมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากมาย ผู้คนจึงมีความจำเป็นที่ต้องปรับตัวเพื่อให้ผ่านสถานการณ์ดังกล่าวไปให้ได้ ซึ่งไม่ใช่แค่เรื่องของชีวิต สุขภาพ หรือการเงินเพียงเท่านั้น แต่ยังเป็นการใส่ใจรายละเอียดในการดำเนินชีวิตทุกด้าน ผู้บริโภคจึงต้องการตัวเลือกที่ดีและเหมาะสมที่สุดสำหรับในแต่ละช่วงของชีวิต
บริษัทจึงพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ลูกค้ามีทางเลือกที่หลากหลายและสามารถปรับรูปแบบได้ตามความต้องการผ่านแนวคิด Customixed (Customize + Mix) เราคิดมาให้ครบจบทุกความต้องการ ไม่ว่าคุณจะมีเป้าหมายในการใช้ชีวิตแบบไหนคุณก็สามารถก้าวกระโดดไปถึงจุดหมายได้ ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมและคุ้มค่า ได้แก่ ประกันชีวิตเพื่อคนที่คุณรัก (Level Up Protection), ประกันออมเงินเพื่ออนาคต (Level Up Saving) ประกันสุขภาพ (Level Up Health) ประกันเพื่อการลงทุน (Level Up Wealth) และประกันออมเงินเพื่อชีวิตหลังเกษียณ (Level Up Life Rewards) เป็นต้น ซึ่งลูกค้าสามารถจัดแพ็คเกจซื้อแผนสัญญาเพิ่มเติมได้ตามความต้องการ ผ่านช่องทางการขายแบบ Omni-Channel ที่สะดวกรวดเร็วไร้รอยต่อ และพร้อมให้คำปรึกษาโดยผู้เชี่ยวชาญของบริษัท
โดยที่หนึ่งในปัจจัยที่สำคัญในการขยายการเติบโตของบริษัท คือ จำนวนตัวแทนและนายหน้าขายประกันของบริษัท ที่ตั้งเป้าในการขยายตัวแทนและนายหน้าขายประกันอย่างต่อเนื่อง โดยที่ในสิ้นปี 65 บริษัทจะมีการขยายตัวแทนและนายหน้าขายประกันเพิ่มเป็น 500 ราย จากปัจจุบันอยุ่ที่ 350 ราย ทั้งนส่วนของการขายผ่านโทรศัพท์ (Telesale) และที่ปรึกษาทางการเงิน รวมถึงการขยายช่องทางการขายผ่านพันธมิตรอื่นๆ และการ Synergy ร่วมกับช่องทางการขายผ่าน Rabbit Care ซึ่งจะมีบางผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตของแรบบิท ไลฟ์ เสนอขายผ่านช่องทางออนไลน์ของ Rabbit Care
ขณะที่ฐานลูกค้าสมาชิกบัตร Rabbit ที่มีมากกว่า 15 ล้านราย ยังคงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่บริษัทสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต และนำข้อมูลมาต่อยอดในการออกแบบผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าแต่ละกลุ่มได้อย่างเหมาะสม รวมถึงการประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต และกิจกรรมต่างๆของแรบบิท ไลฟ์ ผ่านช่องทางการปรชาสัมพันธ์ในกลุ่ม BTS ที่มีทั้ง VGI และ PLANB ช่วยให้แรบบิท ไลฟ์ ได้รับความรู้จักจากประชาชนมากขึ้น และทำให้เกิดความสนใจในการเข้ามาเลือกซื้อประกันชีวิตของแรบบิท ไลฟ์
"ตลาดประกันชีวิตในประเทศไทยนั้น ยังเป็นอุตสาหกรรมที่มีความมั่นคงและมีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ สำหรับกลุ่มลูกค้าคนไทยยังมีคนอีกจำนวนมากที่ยังไม่มีประกันชีวิตเป็นของตัวเอง ทำให้เป็นโอกาสในการขายประกันชีวิตยังมีอยู่สูง แม้ว่าแรบบิท ไลฟ์ อาจดูเหมือนเป็นน้องใหม่ในวงการธุรกิจประกัน แต่ในความเป็นจริงเรามีทีมผู้บริหารและทีมงานที่พร้อมด้วยประสบการณ์ในอุตสาหกรรมประกันชีวิตมานานกว่า 25 ปี ซึ่งมีความเชี่ยวชาญและความเข้าใจเกี่ยวกับวงการนี้เป็นอย่างดี" นายกรณ์ กล่าว
ทั้งนี้ ในปี 65 บริษัทตั้งเป้าหมายในการมีเบี้ยรับใหม่มาที่ 2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ทำได้ 1.2 พันล้านบาท โดยในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาบริษัทสามารถมีเบี้ยรับใหม่เข้ามาแล้ว 800 ล้านบาท และตั้งเป้าเบี้ยประกันชีวิตรวมในปี 65 อยู่ที่ 8 พันล้านบาท โดย 6 เดือนบริษัทมีเบี้ยประกันชีวิตรวมที่ 7 พันล้านบาท