บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด ประเมินแนวโน้มดัชนีหุ้นไทยสำหรับสัปดาห์ถัดไป (1-5 ส.ค.) มีแนวรับที่ 1,550 และ 1,535 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,585 และ 1,600 จุด ตามลำดับ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ อัตราเงินเฟ้อเดือนก.ค. ของไทย ผลประกอบการงวด 2Q/65 ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ทิศทางเงินทุนต่างชาติ รวมถึงสถานการณ์โควิด ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี PMI ข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตร อัตราการว่างงานเดือนก.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ได้แก่ ดัชนี PMI เดือนก.ค. ของจีน ญี่ปุ่น และยูโรโซน การประชุมธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) รวมถึงดัชนีราคาผู้ผลิตและยอดค้าปลีกเดือนมิ.ย. ของยูโรโซน
ดัชนีตลาดหุ้นไทยขยับขึ้นก่อนผลการประชุมเฟด ทั้งนี้ SET Index ปรับตัวขึ้นช่วงต้นสัปดาห์ตามแรงซื้อหุ้นในกลุ่มแบงก์ ซึ่งได้รับอานิสงส์จากผลประกอบการไตรมาสล่าสุดที่ออกมาค่อนข้างดี ประกอบกับมีการคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยยังคงมีแนวโน้มฟื้นตัวและอัตราดอกเบี้ยในประเทศน่าจะมีการทยอยปรับขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป
อย่างไรก็ดี แรงเทขายของกลุ่มนักลงทุนสถาบันกดดันตลาดช่วงสั้นๆ ในเวลาต่อมา แต่ดัชนีหุ้นไทยกลับมาปรับขึ้นอีกครั้งในวันทำการสุดท้ายของเดือนก.ค. นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ขานรับผลประกอบการของบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่แห่งหนึ่งซึ่งออกมาดีกว่าคาด
โดยในวันพุธ (27 ก.ค.) ดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,576.41 จุด เพิ่มขึ้น 1.53% จากสัปดาห์ก่อน ขณะที่มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 58,611.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.39% จากสัปดาห์ก่อน ส่วนดัชนี mai เพิ่มขึ้น 1.01% มาปิดที่ 581.46 จุด