นายอนันต์ ตั้งตรงเวชกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.น้ำตาลบุรีรัมย์ (BRR) เปิดเผยว่า บริษัทส่งผลิตภัณฑ์ "ชานอ้อย" เสิร์ฟตรงผู้บริโภคชูจุดเด่นรักษ์โลก ซึ่งมีจุดเด่นเป็นเยื่อไม่ฟอกย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติด้วยการฝังกลบไม่เกิน 45-60 วัน ไม่ทำลายหน้าดิน แถมยังต่อยอดเป็นสารอาหารในดิน ปลูกต้นไม้ได้ไม่มีปนเปื้อนสารเคมี โดย BRR ตั้งเป้าเป็นภาคเอกชนที่ทำธุรกิจไม่ส่งผลต่อสังคมในระยะยาว เพื่อสอดรับ Roadmap ภาครัฐ ในการลด-เลิกผลิตขยะพลาสติก และดำเนินธุรกิจบนหลัก ESG คือคำนึงถึง สิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล
ในช่วงปีที่ผ่านมา ทั่วโลกเริ่มพูดถึงกระแสคาร์บอนฟุตพริ้นท์ (Carbon Footprint) กันอย่างแพร่หลาย ทั้งการใช้ พลังงาน การเกษตรกรรม การพัฒนาและการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมที่เป็นสาเหตุสำคัญ ของการเกิดภาวะโลกร้อน ซึ่งนับวันปัญหาดังกล่าวก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น ขณะเดียวกันปัญหาขยะพลาสติกล้นโลก กลายเป็นปัญหาใหญ่สำหรับทุกประเทศที่ต้องรับมือ ซึ่งนโยบายภาครัฐของไทยเอง ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีก็ได้อนุมัติแผน Roadmap การจัดการขยะพลาสติก พ.ศ. 2561-2573 เมื่อวันที่ 15 ก.พ. 64 ที่ผ่านมา
โดยนำร่องลดและคัดแยกขยะในหน่วยงานภาครัฐทั่วประเทศ ปี 2565 ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม (ทส.) ประกาศห้ามใช้พลาสติก 4 ชนิด แบบเด็ดขาดในปี 2565 ได้แก่ โฟม, ถุงหิ้ว, แก้ว และหลอดพลาสติก และเลิกใช้พลาสติกประเภทถุงพลาสติกหูหิ้ว กล่องโฟมบรรจุอาหาร แก้วพลาสติกแบบบาง ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง และหลอดพลาสติก นี่จึงทำให้บรรจุภัณฑ์รักษ์โลก ที่ย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ อย่าง "ชานอ้อย" ของ BRR มีโอกาสเติบโตได้ในตลาดนี้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์รักษ์โลกที่ทำจากเยื่อชานอ้อยอยู่ภายใต้การบริหารของบริษัท ชูการ์เคน อีโคแวร์ จำกัด (SEW) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ BRR ถือหุ้นอยู่ 99.99% SEW ประกอบธุรกิจผลิตสินค้าเกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์ด้านอุปโภคและบริโภค อุปกรณ์ เครื่องมือ และเครื่องใช้ ที่ทำจากชานอ้อยร่วมกับเยื่อของพืชธรรมชาติอื่น
ปัจจุบัน SEW มีกำลังการผลิตประมาณ 300 ล้านชิ้น/ปี หรือราว 3,500 ตัน สามารถทดแทนผลิตภัณฑ์จากโฟมและพลาสติกได้ในอัตราส่วนที่เท่ากันคือ 300 ล้านชิ้น ต่อปี ซึ่งรวมในหลายประเภทผลิตภัณฑ์ เช่น กล่องโฟมใส่อาหาร จาน ชาม โดยกลุ่มลูกค้าของบริษัทมีทั้งในประเทศ และต่างประเทศ
"ทางบริษัทหวังขยายการใช้ผลิตภัณฑ์ชานอ้อยให้ทั่วถึงกลุ่มลูกค้าของบริษัททั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อให้ทุกคนหันมาใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และมีส่วนช่วยลดภาวะโลกร้อน"นายอนันต์ กล่าว