นายทักษิณ ตันติไพจิตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ไฟร์เทรดเอ็นจิเนียริ่ง (FTE) คาดว่าผลงานครึ่งปีหลังจะเติบโตได้ดีกว่าครึ่งปีแรก หลังจากสถานการณ์โควิดคลี่คลายทำให้งานกลับมาเพิ่มขึ้น ซึ่งบริษัทคาดหวังงานใหม่เพิ่มเข้ามาอีกราว 130 ล้านบาท ซึ่งทำให้บริษัทมั่นใจว่ารายได้ปีนี้จะทำได้เข้าเป้า 1 พันล้านบาทใกล้เคียงกับปีก่อน หลังจากมุ่งเน้นงานในกลุ่มลูกค้าโรงงานอุตสาหกรรมมากขึ้น ขณะที่คาดว่ากำไรสุทธิปีนี้จะเติบโตจากปีก่อนด้วยมาตรการลดค่าใช้จ่าย และแนวโน้มลูกหนี้กลับมาชำระหนี้ได้มากขึ้นในครึ่งปีหลัง
ขณะที่ FTE ตั้งเป้ารายได้ปี 66 จะเติบโตขึ้นแตะระดับ 1.2 พันล้านบาท หลังจากมีงานในมือ (Backlog) ที่รอรับรู้รายได้ในปีหน้าแล้ว 130-150 ล้านบาท ขณะเดียวกันยังรอเข้าประมูลงานของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ที่มีมูลค่ากว่า 200 ล้านบาท
นายทักษิณ ระบุว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมยังเติบโตได้ หลังโควิด-19 คลี่คลาย โดยเฉพาะงานในฝั่งของธุรกิจอาหาร โรงแรม ที่เริ่มกลับมา และหากจีนกลับมาเปิดประเทศได้เร็วจะหนุนให้งานฟื้นตัวเร็วขึ้น ส่วนงานคอนโดมิเนียม แม้ซัพพลายลดลง แต่ยังมีบางพื้นที่ที่เติบโตดีอยู่ เช่น กรุงเทพฯ และโครงการขนาดใหญ่ยังขายได้ ซึ่งบริษัทฯ ยังคงติดตามงานอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งงานออฟฟิศ บิวดิ้งมีดีมานด์และซัพพลายสูงขึ้น โดยที่ผ่านมา FTE มีการเสนอขายอุปกรณ์ดับเพลิงให้กับโครงการ One Bangkok
พร้อมกันนี้ บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นงานออกแบบติดตั้งอุปกรณ์ระบบ ดับเพลิงภาคเอกชน โดยเฉพาะโรงงานอุตสาหกรรม ศูนย์คอมพิวเตอร์ดาต้าเซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นงานที่มีระยะสั้น สามารถส่งมอบงานรับรู้รายได้รวดเร็ว อีกทั้งมีทีมขายติดต่อตรงเจ้าของโครงการมากขึ้น เพื่อให้ข้อมูลมาตรฐานและคุณภาพผลิตภัณฑ์ รวมถึงเข้าใจถึงความจำเป็นในการติดตั้งระบบดับเพลิง นอกจากนี้ยังมุ่งเน้นงานโครงการปรับปรุง และก่อสร้างสถานีฐานไฟฟ้า ของ กฟผ. และการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.), งานของปิโตรเคมี-Oil&Gas ซึ่งให้มาร์จิ้นสูง และคลังสินค้า เป็นต้น
ปัจจุบันบริษัทฯ มีสัดส่วนรายได้มาจากงานโครงการราว 30% และงานเทรดดิ้ง 60% ส่วนที่เหลือจะเป็นงานบริการหลังการติดตั้งระบบฯ ซึ่งในส่วนนี้คาดจะสร้างกำไรอย่างมีนัยสำคัญ และสร้างรายได้ประจำในอนาคต
สำหรับทั้งปี 65 บริษัทฯ คาดทำรายได้ที่ 1,000 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีก่อนที่อยู่ที่ 1,010 ล้านบาท โดยต้องหางานใหม่เข้ามาเพิ่มอีก 130 ล้านบาท เพื่อให้ถึงเป้าหมายที่วางไว้ จากปัจจุบันที่มีงานในมือ (Backlog) อยู่ที่ 560 ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้รายได้ปีนี้ที่ 410 ล้านบาท และที่เหลือเป็นปีหน้า
ขณะเดียวกันอยู่ระหว่างประมูลงานใหม่เพิ่มอีกราว 400 ล้านบาท คาดหวังจะได้รับงานราว 30-40% แบ่งเป็น งานติดตั้งระบบและอุปกรณ์ดับเพลิงให้กับกฟผ. จำนวน 3-4 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 150-200 ล้านบาท ซึ่งจะทราบผลในช่วงปลายปีนี้ และจะสามารถสรุปผู้ได้รับงานอย่างเป็นทางการภายในครึ่งปีแรกของปี 66 รวมถึงยังอยู่ระหว่างเสนอประมูลงานในส่วนของ งานภาครัฐ เอกชน มูลค่ารวมราว 250 ล้านบาท
นอกจากนี้คาดกำไรสุทธิปีนี้จะเติบโตดีกว่าปีก่อน โดยวางเป้าอัตรากำไรสุทธิโต 7-8% จากปีก่อนที่ 4.35% จากการมุ่งเน้นควบคุมต้นทุน ค่าใช้จ่าย รวมถึงลูกหนี้การค้ากลับมาชำระหนี้มากขึ้น ในครึ่งปีหลังนี้ หลังไตรมาส 1/65 มีปัญหาในการเก็บหนี้ ทำให้ต้องมีการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะศูนย์ไปจำนวนมาก แต่คาดหวังครึ่งปีหลังจะดีขึ้น