(เพิ่มเติม) SECC เพิ่มทุน 463.82 ล้านหุ้น จัดสรรให้ผู้ถือหุ้นเดิม 1:1- ESOP

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday March 25, 2008 17:09 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          ที่ประชุมคณะกรรมการ บมจ. เอส.อี.ซี. ออโต้เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส (SECC) มีมติอนุมัติให้ออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัท จากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 520,000,000 บาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่จำนวน 983,818,573 บาท โดยการออกหุ้นสามัญใหม่เพิ่มขึ้น จำนวน 463,818,573 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท แบ่งจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 409,593,550 หุ้น เพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทตามสัดส่วนการถือหุ้น 1:1
จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 49,114,000 หุ้น เพื่อรองรับการใช้สิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิครั้งที่ 1 (ในกรณีที่มีการปรับราคาการใช้สิทธิและอัตราการใช้สิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิครั้งที่ 1)
และจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 5,111,023 หุ้น เพื่อรองรับการใช้สิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิ-ESOP (ในกรณีที่มีการปรับราคาการใช้สิทธิและอัตราการใช้สิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิ-ESOP)
สำหรับวัตถุประสงค์การเพิ่มทุน บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนมาใช้เพื่อรองรับการขยายงานในอนาคต และเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทรรองรับการดำเนินงานของบริษัทในปัจจุบัน และที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และเพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพในการสร้างรายได้ของบริษัทในอนาคต
ประโยชน์ที่ผู้ถือหุ้นจะพึงได้รับจากการเพิ่มทุน/จัดสรรหุ้นเพิ่มทุน คือบริษัทและบริษัทย่อยมีนโยบายจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50 ของจำนวนเงินที่สามารถจ่ายได้ ภายหลังจากหักเงินสำรองต่างๆ ที่บริษัทกำหนดไว้ และหลังจากปฏิบัติตามกฎหมายและหลักเกณฑ์ในสัญญากู้ยืมเงินและภาระผูกพันต่างๆ ของบริษัทเป็นที่เรียบร้อยแล้วในแต่ละปี ทั้งนี้ คณะกรรมการของบริษัทมีอำนาจในการพิจารณายกเว้นไม่ดำเนินการตามนโยบายดังกล่าว หรือเปลี่ยนแปลงนโยบายดังกล่าวได้เป็นครั้งคราว โดยอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่การดำเนินการดังกล่าวจะต้องก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้ถือหุ้น เช่น ใช้เป็นทุนสำรองสำหรับการชำระคืนเงินกู้ ใช้เป็นเงินลงทุนเพื่อขยายธุรกิจของบริษัท หรือกรณีมีการเปลี่ยนแปลงสภาวะตลาด ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อกระแสเงินสดของบริษัทใน
อนาคต
เมื่อเวลา 10.10 น. ราคาหุ้น SECC ปรับลง 2.75% มาอยู่ที่ 5.30 บาท ลดลง 0.15 บาท
ด้านนายสมพงษ์ วิทยารักษ์สรรค์ ประธานกรรมการ SECC กล่าวว่า การเพิ่มทุนในครั้งนี้ เป็นการระดมทุนครั้งใหญ่เพียงครั้งเดียวเพื่อเตรียมความพร้อมรองรับแผนการขยายธุรกิจในอนาคต เนื่องจากพบว่าขณะนี้รัฐบาลได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่อย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ได้ชะลอการลงทุนลงในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา และ หากพิจารณาจากนโยบายของรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมาจะพบว่า หนึ่งในแผนการลงทุนของภาครัฐจะมีโครงการที่เกี่ยวข้องกับระบบขนส่งและโลจิสติกส์ ขนาดใหญ่รวมอยู่ด้วย ซึ่งถือเป็นโครงการที่น่าสนใจและอยู่ในขอบข่ายที่บริษัทสามารถลงทุนได้ หากเห็นว่าเป็นโครงการที่ดีและมีแนวโน้มสร้างรายได้ที่ชัดเจนในอนาคต ดังนั้น จึงได้เตรียมความพร้อมของเม็ดเงินที่จะใช้ในการลงทุนไว้เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสทางธุรกิจ
"การเพิ่มทุนครั้งนี้ถือเป็นการเตรียมความพร้อม เพื่อรองรับโอกาสทางธุรกิจที่จะมาถึง หลังจากที่รัฐได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการส่งโครงการเมกะโปรเจ็กลงสู่ตลาด ซึ่งในส่วนของ SECC ก็คงสนใจจะเข้าลงทุนในทุกโครงการที่เห็นว่าเป็นผลดีต่อบริษัทฯ และมีแนวโน้มเติบโตดีในอนาคต ส่วนขอบข่ายก็คงอยู่ในธุรกิจยานยนต์ เพราะที่ผ่านมาถึงแม้ว่าเราจะเติบโตมาจากธุรกิจนำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์ระดับพรีเมี่ยม แต่เป้าหมายที่เราวางไว้ในอนาคตก็คือจะเป็นผู้ทำธุรกิจเกี่ยวกับรถยนต์อย่างครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์พรีเมี่ยม รถยนต์ประหยัดพลังงาน และอาจจะรวมถึงรถยนต์โดยสาร ระบบขนส่งมวลชนที่เกี่ยวข้องกับการเชื่อมต่อกับโครงการรถไฟฟ้าต่างๆ ที่จะเข้ามามีบทบาทในระบบขนส่งของไทยในอนาคต หลังจากที่ราคาน้ำมันได้ปรับตัวสูงขึ้นมาก ทำให้รัฐบาลต้องเร่งหาโครงการขนส่งที่มีต้นทุนด้านพลังงานต่ำกว่าเข้ามาทดแทน ดังนั้นเชื่อว่าโครงการเหล่านี้จะต้องเกิดขึ้นในไม่ช้า เราจึงต้องเตรียมความพร้อมเรื่องเม็ดเงินไว้เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสทางธุรกิจที่จะมาถึง" นายสมพงษ์ กล่าว
นอกจากนั้น การระดมทุนครั้งนี้ ยังถือเป็นการรองรับกับโครงการขยายธุรกิจเดิมของบริษัทที่มีอยู่แล้ว โดยขณะนี้บริษัทมีโครงการจะก่อสร้างสำนักงานใหญ่แห่งใหม่ เพื่อเป็นโชว์รูมที่สามารถจอดรถเพื่อจำหน่ายได้กว่า 200 คัน และศูนย์บริการที่มีช่องซ่อมเป็นจำนวนถึง 100 ช่อง บนพื้นที่ 15 ไร่ ใจกลางกรุงเทพฯ ซึ่งจะถือเป็นโชว์รูมที่ใหญ่ที่สุดในโลก หลังจากพบว่ารายได้จากการให้บริการหลังการขายของบริษัทฯ ได้เติบโตเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนกว่า 20% เมื่อเทียบกับปีก่อน และแนวโน้มธุรกิจจัดจำหน่ายรถยนต์จะเติบโตขึ้นต่อเนื่องในอนาคต ซึ่งโชว์รูมดังกล่าวคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ในไตรมาส 3 ของปีนี้ และสามารถรับรู้รายได้ทันทีในปีเดียวกัน ซึ่งถือว่าการเพิ่มทุนในครั้งนี้ถือเป็นอีกก้าวหนึ่งของ SECC ที่จะทำให้ธุรกิจเริ่มครบวงจร และเติบโตได้รวดเร็วขึ้นตามนโยบายที่วางไว้

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ