บมจ.สิวารมณ์ เรียลเอสเตท (SVR) ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) และร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 130 ล้านหุ้น คิดเป็น 25.49% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO และจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) โดยมีบริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
บริษัทมีวัตถุประสงค์ในการนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหลักทรัพย์ครั้งนี้ เพื่อเป็นเงินทุนสำหรับการพัฒนาโครงการตามแผนธุรกิจและแผนการตลาด, ชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และ ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ
SVR ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยแนวราบ โดยกลุ่มครอบครัวมโนธรรมรักษา มีความชำนาญและประสบการณ์ในธุรกิจพัฒนาโครงการประเภท บ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม และอาคารพาณิชย์ มาอย่างต่อเนื่องมากกว่า 10 ปี ปัจจุบันมีการพัฒนาโครงการในจังหวัดสมุทรปราการ บริเวณพื้นที่บางปู และเทพารักษ์ และทำเลที่มีการขยายตัวของนิคมอุตสาหกรรม เช่น นิคมบางปู และนิคมพัฒนา-จังหวัดระยอง เป็นต้น ภายใต้ชื่อ "สิวารมณ์" หรือ "SIVAROM" ด้วยแนวคิด "Best Smart Living"
บริษัทมีสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัท สยามพัฒนา เรียลเอสเตท จำกัด 99.99% บริษัท สิวารมณ์ ไชน่า จำกัด 51.00% และบริษัท บางปู แลนด์ 58 จำกัด 99.98% ซึ่งประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัยแนวราบ
ณ วันที่ 30 มิ.ย.65 กลุ่ม SVR พัฒนาโครงการทั้งหมด 8 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 3,898 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการที่สร้างและโอนเสร็จแล้ว จำนวน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการสิวารมณ์ เนเจอร์พลัส (บางปู 83) มูลค่าโครงการ 506 ล้านบาท และโครงการสิวารมณ์ ปาร์ค (สุขุมวิท-บางปู) มูลค่าโครงการ 450 ล้านบาท
และโครงการซึ่งอยู่ระหว่างการพัฒนาและดำเนินการขาย จำนวน 4 โครงการ ได้แก่ โครงการสิวารมณ์ เนเจอร์พลัส (อัสสัมชัญ-ศรีราชา) มูลค่าโครงการ 437 ล้านบาท โครงการสิวารมณ์ ซิตี้ (ระยอง) มูลค่าโครงการ 275 ล้านบาท โครงการสิวารมณ์ แกรนด์ (สุขุมวิท - บางปู) มูลค่าโครงการ 1,030 ล้านบาท และโครงการสิวารมณ์ วิลเลจ (สุขุมวิท-เทพารักษ์) มูลค่าโครงการรวม 320 ล้านบาท
อีกทั้งบริษัทยังมีโครงการในอนาคตที่บริษัทเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินแล้ว 2 โครงการ มูลค่าโครงการโดยประมาณ 880 ล้านบาท
ผลประกอบการในช่วงปี 62-64 บริษัทมีรายได้รวมเท่ากับ 243.03 ล้านบาท 557.35 ล้านบาท 575.65 ล้านบาท ตามลำดับ และงวด 6 เดือนแรกของปี 65 มีรายได้รวม 296.03 ล้านบาท กำไรสุทธิปี 62-64 เท่ากับ (5.15) ล้านบาท 42.49 ล้านบาท 63.35 ล้านบาท ตามลำดับ และงวด 6 เดือนแรกของปี 65 มีกำไรสุทธิ 24.17 ล้านบาท
ณ วันที่ 30 มิ.ย.65 มีสินทรัพย์รวม 1,061.41 ล้านบาท หนี้สินรวม 556.78 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้น 504.64 ล้านบาท
ณ วันที่ 2 มี.ค.65 บริษัทมีทุนจดทะเบียน 510 ล้านบาท เป็นทุนชำระแล้ว 380 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1.00 บาท และ ณ วันที่ 30 มิ.ย.65 โครงสร้างผู้ถือหุ้นของบริษัทมีครอบครัวมโนธรรมรักษา ถือหุ้น 118,200,000 หุ้น คิดเป็น 31.11% ภายหลังเสนอขายหุ้น IPO จะลดสัดส่วนเหลือ 23.17% ครอบครัวหวังไพฑูรย์ ถือหุ้น 10,000,000 หุ้น คิดเป็น 2.64% จะลดเหลือ 1.96% และครอบครัวจันทตรัตน์ ถือหุ้น 5,000,000 คิดเป็น 1.32% จะลดเหลือ 0.98%
ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายในการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น ในอัตราไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิของงบการเงินเฉพาะกิจการ ภายหลังจากหักภาษีและเงินทุนสำรองตามกฎหมายและทุนสำรองอื่น (ถ้ามี)