AH คาดปี 51 ทำรายได้ 1.12 หมื่นลบ.จาก 9.7 พันลบ.ในปี 50

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday March 25, 2008 17:45 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายเย็บ ซู ชวน ประธานกรรมการ บมจ.อาปิโก ไฮเทค (AH) เปิดเผยว่า ปีนี้(2551)บริษัทฯคาดว่ารายได้จะอยู่ที่ 1.12 หมื่นล้านบาท หรือเติบโต 15% จากปีก่อน(2550)ที่มีรายได้ 9,700 ล้านบาท ซึ่งปีก่อนถือได้ว่าบริษัทฯมีผลการดำเนินงานที่ทรงตัว อันเนื่องมาจากรับผลกระทบจากการเมือง และเศรษฐกิจในประเทศ แต่ปีนี้เชื่อว่าการเติบโตของบริษัทฯจะเป็นอัตราการเติบโตตามกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ที่มีอัตราการเติบโตที่ดี 
โดย 2 เดือนที่ผ่านมาของปีนี้อุตสาหกรรมยานยนต์มีอัตราการเติบโต 27% และคาดว่าทั้งปีนี้ยอดการผลิตรถยนต์ 1.45 ล้านคัน จาก 1.25 ล้านคันในปี 2550 ทั้งนี้ เมื่ออุตสาหกรรมยานยนต์มีการเติบโตที่ดีก็จะส่งผลถึงการผลิตชิ้นส่วนของอุตสาหกรรมยานยนต์ให้มีการเติบโตที่ดีด้วย โดยคาดว่าปีนี้บริษัทฯจะสามาถรักษา Gross profit margin ได้ที่ระดับ 6-7%
"การเติบโตของบริษัทฯในปีนี้คงเป็นการเติบโตของอุตสาหกรรมที่มีอัตราการเติบโตที่ดีเมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากการย้ายฐานการผลิต และโครงการ Eco Car จึงทำให้ภาพรวมของตลาดดูดีขึ้น"นายเย็บ ซู ชวน กล่าว
ประธานกรรมการ AH กล่าวว่า บริษัทฯมีแผนที่จะเข้าไปลงทุนผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ในประเทศอินเดีย โดยที่ผ่านมาได้มีการหารือกับกลุ่มนักลงทุนในอินเดียแล้ว เนื่องจากเศรษฐกิจในอินเดียมีการเติบโตสูง ทางบริษัทฯคาดว่าจะเข้าไปลงทุนในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ส่วนรูปแบบการเข้าไปลงทุนขณะนี้ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะออกมาในรูปแบบใด
ที่ผ่านมา บริษัทฯได้เข้าไปร่วมทุนกับบริษัท MINTH ซึ่งเป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ขึ้นรูปรถยนต์ โดยบริษัทฯได้ถือหุ้นในสัดส่วน 40% และการร่วมทุนดังกล่าวนี้ คาดว่าจะเริ่มผลิตในเชิงพาณิชย์ได้ในปีหน้า(2552) และคาดว่าในปี 2553 จะทำให้บริษัทฯมีกำไรที่เติบโตอย่างก้าวกระโดด อีกทั้งการที่บริษัทฯได้ร่วมทุนกับ MINTH จะช่วยทำให้บริษัทฯสามารถลดต้นทุนได้ประมาณ 10% และการร่วมทุนกับ MINTH ยังเป็นการรองรับการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ที่จะเข้ามาใหม่ จากออเดอร์ของฟอร์ด, มาร์สด้า, นิสสัน, อีซูซุ เป็นต้น
นายเย็บ ซู ชวน กล่าวต่อว่า ขณะนี้บริษัทฯมีออเดอร์การผลิตชิ้นส่วนให้กับฟอร์ด จำนวน 700 ล้านบาท เครื่องจับยึดรถเรย์โนล์ 110 ล้านบาท ออเดอร์ผลิตพลาสติกให้กับทางออสเตรเลีย 150 ล้านบาท โดยออเดอร์ดังกล่าวนี้จะไปรับรู้ในปี 2552
สำหรับต้นทุนราคาเหล็กในตลาดโลกที่ปรับตัวสูงขึ้นนั้น ไม่ได้มีปัญหาต่อบริษัทฯ เนื่องจากบริษัทฯสามารถปรับราคาขายได้ตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้น และลูกค้าก็เข้าใจเป็นอย่างดี

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ