ตลาดหลักทรัพย์ ปิดช่วงเช้าที่ 1,595.32 จุด ลดลง 5.77 จุด (-0.36%) มูลค่าการซื้อขายราว 29,425.16 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีปรับขึ้นตอนเปิดตลาดได้สักพักจากนั้นปรับตัวลง โดยทำระดับสูงสุด 1,603.63 จุด และต่ำสุด 1,589.62 จุด
นายวทัญ จิตต์สมนึก ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์กลยุทธ์ บล.พาย (PI) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยช่วงเช้าที่ผ่านมาปรับฐานลงมา กังวลธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจาก 0.50% เป็น 0.75% หลังตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรพุ่งขึ้น 528,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. สูงกว่านักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 258,000 ตำแหน่ง และอัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 3.5% ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 3.6%
อีกทั้งราคาน้ำมันดิบก็ปรับตัวลง ส่งผลกดดันต่อหุ้นกลุ่มพลังงาน และค่าเงินบาทก็ปรับตัวอ่อนค่า ส่งผลให้เงินทุนต่างชาติ (Fund Flow)ไหลออก
ด้านตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียเช้า เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวกและลบสลับกัน
แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในช่วงบ่าย คาดว่าดัชนีฯน่าจะยังเคลื่อนไหวอยู่ในแดนลบต่อ เนื่องจากยังไม่เห็นปัจจัยบวกใหม่ ให้แนวรับที่ 1,585 จุด และแนวต้าน 1,600 จุด
แนะนักลงทุนติดตามปัจจัยสำคัญในสัปดาห์นี้ ได้แก่ การทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไทย, การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 10 ส.ค.นี้ คาดว่ากนง. จะขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ซึ่งปัจจัยดังกล่าวไม่น่าจะมีผลมากนัก เนื่องจากนักลงทุนรับรู้ไปพอสมควรแล้ว รวมถึงเงินเฟ้อสหรัฐประจำเดือนก.ค. ตลาดคาดที่ 8.7%YoY , 0.2%MoM ลดลงจากเดือนก่อนหน้าที่ขยายตัว 9.1%YoY , 1.3%MoM
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
DELTA มูลค่าการซื้อขาย 1,722.58 ล้านบาท ปิดที่ 508.00 บาท ลดลง 32.00 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,344.37 ล้านบาท ปิดที่ 148.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท
BANPU มูลค่าการซื้อขาย 1,245.25 ล้านบาท ปิดที่ 12.60 บาท ลดลง 0.20 บาท
PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 1,026.73 ล้านบาท ปิดที่ 150.50 บาท ลดลง 0.50 บาท
SCB มูลค่าการซื้อขาย 860.56 ล้านบาท ปิดที่ 104.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท