นายณรงค์พันธุ์ ลีสหะปัญญา Director-Investor Relations and Strategic Planning บมจ.ปูนซีเมนต์ไทย (SCC) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าทำดีลดิลิเจนท์ ในธุรกิจที่เกิดประโยชน์และสอดคล้องกับกลยุทธ์ของบริษัทอย่างต่อเนื่อง ในขณะเดียวกันก็จะพิจารณาชะลอการทำดีล ในดีลที่ไม่สามารถรับรู้รายได้เข้ามาทันที เนื่องด้วยปัจจุบันสถานการณ์ภายในประเทศและภายนอกประเทศยังมีความไม่แน่นอนสูง บริษัทฯ จึงต้องมีการทบทวนโครงการการลงทุนทุกอย่าง เพื่อให้แน่ใจว่าเมื่อลงทุนไปแล้วก่อให้เกิดประโยชน์กับบริษัทได้จริง มีรายได้เข้ามาได้เร็ว
ทั้งนี้ล่าสุด บริษัทฯ ได้ปรับลดเงินลงทุนในปี 65 ลงเหลือ 70,000 ล้านบาท จากเดิม 80,00 ล้านบาท เพื่อเป็นการจัดลำดับความสำคัญของโครงการลงทุน
สำหรับทิศทางการดำเนินงานในครึ่งปีหลังนี้ ยังมีความท้าทาย ทำให้ธุรกิจต้องเตรียมรับมือต่อ ทั้งปัญหาของสงครามระหว่าง รัสเซียและยูเครน ที่มีผลกระทบต่อราคาน้ำมัน และเงินเฟ้อ รวมถึงยังมีปัญหาจากความขัดแย้งของสหรัฐและจีน แต่อย่างไรก็ตามคาดว่าเศรษฐกิจจีนน่าจะปรับตัวดีขึ้น หลังจากถูกล็อกดาวน์ในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งน่าจะเป็นอัพไซด์ได้ แต่ก็ยังต้องจับตาดูต่อไปว่าจะฟื้นตัวได้เร็วหรือไม่ รวมถึงยังต้องจับตาภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยด้วย เนื่องจากอาจกระทบกับดีมานด์ และฉุดราคาขายให้ปรับตัวลง
พร้อมกันนี้บริษัทฯ ได้เตรียมความพร้อมเพื่อรองรับกับสถานการณ์ฯ และวิกฤตที่จะเกิดขึ้น เช่น การเก็บเงินสด และทบทวนการลงทุน โดยบริษัทฯ ถือว่ายังมีความแข็งแกร่งทางด้านการเงิน และการเติบโตที่ดีอยู่ จากการลงทุนโครงการปิโตรเคมีครบวงจร Long Son Petrochemicals Company Limited (LSP) เฟส 1 ที่เวียดนาม คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในครึ่งปีแรกของปี 66
ส่วนธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ก็มีการ Transformation จากการขายปูนซิเมนต์อย่างเดียวไปสู่การทำในเรื่องของ Green Construction, Service Solutions และ Retail Businesses หรือธุรกิจค้าปลีก SCG Home ขณะที่ธุรกิจของ บมจ.เอสซีจี แพคเกจจิ้ง (SCGP) ยังคงเดินหน้าทำในเรื่องของ Merger & Partnership (M&P) อย่างต่อเนื่อง