นายศิลปรัตน์ วัฒนเกษตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส (BGC) เปิดเผยว่า ภาพรวมความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ครึ่งปีหลังนี้ คาดมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องตามภาวะเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว รวมถึงการคลายความกังวลต่อสถานการณ์โรคโควิด-19 แต่อย่างไรก็ตามราคาพลังงานและอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง จะเป็นปัจจัยกดดันภาพรวมการเติบโตของอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ บริษัทฯ จึงวางแผนเพิ่มประสิทธิภาพและลดการสูญเสียในกระบวนการผลิตอย่างต่อเนื่อง นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ เข้ามาปรับใช้ในกระบวนการผลิตเพื่อลดต้นทุนและยกระดับโรงงานสู่ Smart Factory หรือโรงงาน 4.0 ปรับสูตรการผลิตเพื่อควบคุมต้นทุน ปรับปรุงเตาหลอมแก้วเพื่อเพิ่มกำลังการผลิต ควบคุมสต๊อกสินค้าให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เจราจาปรับราคาสินค้าให้สอดคล้องกับต้นทุน และเพิ่มมูลค่าสินค้า
นอกจากนี้บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน (Sustainable Growth) มุ่งเน้นการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล โดยจัดตั้งทีมงานด้าน ESG ขึ้นโดยเฉพาะ รวมถึงให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากรอย่างต่อเนื่อง
ส่วนกลยุทธ์ด้านการขายจะมุ่งขยายตลาดส่งออกไปยังประเทศสหรัฐอเมริกาอย่างต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก และนำบรรจุภัณฑ์แพคเกจจิ้งอื่น ๆ มาจำหน่ายเพิ่มเติม ผ่านการนำเสนอสินค้าและบริการในรูปแบบ Total Packaging Solutions ที่มีบรรจุภัณฑ์หลากหลายพร้อมบริการครบวงจร จากปัจจุบันที่มีบรรจุภัณฑ์แก้วเป็นกลุ่มสินค้าที่สร้างรายได้หลักและเสริมด้วยแพคเกจจิ้ง เพื่อมุ่งสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก
สำหรับผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรกที่ผ่านมา บริษัทฯ สามารถทำผลการดำเนินงานช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายได้จากการขายรวม 7,355 ล้านบาท เติบโต 17% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัทใหญ่ 325 ล้านบาท เติบโต 5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากรายได้และปริมาณการขายสินค้ากลุ่มบรรจุภัณฑ์แก้วและแพคเกจจิ้งเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มเบียร์ บรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม หลังจากผ่อนคลายข้อจำกัดการเดินทางและเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ ตลอดจนประชาชนเริ่มคลายความกังวลต่อสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลให้บรรยากาศการท่องเที่ยวไตรมาส 2 ที่ผ่านมาฟื้นตัว จากการเดินทางท่องเที่ยวของคนไทยและชาวต่างชาติที่มากขึ้น ทำให้ธุรกิจร้านอาหารและสถานบันเทิงกลับมาคึกคัก
ขณะที่ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/65 มีรายได้จากการขาย 3,388 ล้านบาท เติบโต 12% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัทใหญ่อยู่ที่ 108 ล้านบาท ชะลอตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากราคาพลังงานและวัตถุดิบที่อยู่ในระดับสูง เช่น เศษแก้ว, เศษกระดาษ, โซดาแอช และเม็ดพลาสติก เป็นต้น ซึ่งเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมอุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ อย่างไรก็ตามบริษัทฯ มุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต ลดการสูญเสียด้วยการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาปรับใช้ ปรับสูตรการผลิต เพิ่มสัดส่วนสินค้าที่มีอัตรากำไรที่ดี รวมถึงเจรจาขอปรับขึ้นราคาสินค้าเพื่อรักษาอัตรากำไรขั้นต้น
ล่าสุด เมื่อวันที่ 9 ส.ค.65 ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) บริษัทฯ จึงมีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลการดำเนินงานไตรมาส 2/65 ในอัตรา 0.10 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงิน 69.44 ล้านบาท เตรียมขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 22 ส.ค.นี้ และกำหนดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลแก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 9 ก.ย.65