นายชัยพัฒน์ ไพฑูรย์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บมจ. ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิที่มีลักษณะคล้ายทุนไถ่ถอนเมื่อเลิกบริษัท ครั้งที่ 1/2565 เพื่อทดแทนหุ้นกู้ด้อยสิทธิฯ ชุดเดิม (MINT18PA) มูลค่ารวม 15,000 ล้านบาท ที่จะไถ่ถอนก่อนกำหนดในวันที่ 31 สิงหาคมนี้ โดยหุ้นกู้ด้อยสิทธิฯ ชุดใหม่ กำหนดอัตราดอกเบี้ยช่วง 5 ปีแรกที่ 6.10% ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 6 เดือน และจะปรับอัตราดอกเบี้ยทุก 5 ปี อ้างอิงจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 5 ปี
บริษัทฯ คาดว่าจะเสนอขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิฯ แก่ผู้ลงทุนทั่วไปและผู้ลงทุนสถาบัน ในวันที่ 1 -2 และ 5 - 6 กันยายนนี้ จองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท ทวีคูณครั้งละ 100,000 บาท ผ่านสถาบันการเงิน 10 แห่ง ที่เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นกู้ ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) (ซึ่งรวมถึงธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน)) บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน)
พิเศษสำหรับการเสนอขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิฯ ชุดใหม่นี้ บริษัทฯ ได้เพิ่มช่องทางการจองซื้อหุ้นกู้ด้อยสิทธิฯ ผ่านแอปพลิเคชั่น Bualuang mBanking ของธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ผู้สนใจลงทุนสามารถจองซื้อหุ้นกู้ด้อยสิทธิฯ ผ่านช่องทางแอปพลิเคชั่นบนโทรศัพท์มือถือ เพิ่มโอกาสและความสะดวกแก่ผู้ลงทุนรายย่อยในการเข้าถึงการลงทุนหุ้นกู้ด้อยสิทธิฯ ของ MINT ในครั้งนี้
"บริษัทฯ เสนอขายหุ้นกู้ด้อยสิทธิฯ ชุดใหม่ เพื่อบริหารโครงสร้างทางการเงินให้แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง โดยผู้ถือหุ้นกู้ด้อยสิทธิฯ ชุดเดิม ที่จะได้รับการไถ่ถอนก่อนกำหนดและได้รับเงินต้นคืนในวันที่ 31 สิงหาคมนี้ สามารถนำเงินดังกล่าวมาลงทุนต่อได้อย่างต่อเนื่องในหุ้นกู้ด้อยสิทธิฯ ชุดใหม่ของบริษัทฯ ที่คาดว่าจะเสนอขายระหว่างวันที่ 1 -2 และ 5 - 6 กันยายน เพื่อโอกาสรับผลตอบแทนจากดอกเบี้ยในระยะยาว" นายชัยพัฒน์ กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้รับการยืนยันอันดับความน่าเชื่อถือที่ "A" ปรับอันดับเครดิตเป็นแนวโน้ม "Stable" และหุ้นกู้ด้อยสิทธิฯ ชุดใหม่ ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ "BBB+" แนวโน้ม "Stable" จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2565 ตอกย้ำถึงศักยภาพของบริษัทฯ ที่เป็นผู้ประกอบธุรกิจโรงแรม ร้านอาหารและไลฟ์สไตล์ชั้นนำระดับโลก มีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง ตลอดจนภาพรวมธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยวภายในประเทศและต่างประเทศที่กำลังฟื้นตัว
นายชัยพัฒน์ กล่าวต่อว่า ภาพรวมการท่องเที่ยวทั่วโลกฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีที่ผ่านมา หลังจากทยอยเปิดประเทศ ผ่อนคลายข้อจำกัดการเดินทางและประกาศให้ COVID-19 เป็นโรคประจำถิ่น ทำให้มีการเดินทางท่องเที่ยวพักผ่อนมากขึ้นและเริ่มเห็นการเดินทางท่องเที่ยวเชิงธุรกิจ (Business Travel) ฟื้นตัวตามมา ส่งผลดีต่อการดำเนินงานของบริษัทฯ ทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจหลัก ได้แก่ โรงแรม ร้านอาหารและไลฟ์สไตล์ ทยอยฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งในต่างประเทศและในประเทศไทย รวมถึงคาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องในครึ่งปีหลังของปีนี้
"เรามีเป้าหมายนำบริษัทฯ กลับมาทำกำไรในปีนี้ และยังขยายการลงทุนอย่างระมัดระวังเนื่องจากสถานการณ์ยังมีความไม่แน่นอน ส่วนแผนงานธุรกิจโรงแรมช่วง 3 ปีนับจากนี้ (ปี 65 - 67) ณ ปัจจุบันจะเปิดโรงแรมใหม่อีก 60 แห่ง ในจำนวนนี้เป็นการรับจ้างบริหาร 49 แห่ง และลงทุนเองและเช่าบริหารอีก 11 แห่ง" นายชัยพัฒน์ กล่าว