นายสุรวุฒิ สุขเจริญสิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอล พี พี พรอพเพอร์ตี้ มาเนจเมนท์ จำกัด (LPP) บริษัทในเครือบมจ.แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเมนท์ (LPN) เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 65 บริษัทเตรียมต่อยอดธุรกิจการรับจ้างบริหารอาคาร และ Facility ในกลุ่มโรงพยาบาล โดยเตรียมร่วมทุนกับกลุ่มโรงพยาบาลสินแพทย์ ในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ ซึ่งจะมีความชัดเจนในการจัดตั้งบริษัทร่วมทุน ในการบริการบริหารโรงพยาบาลในเครือโรงพยาบาลสินแพทย์ในช่วงแรกของการจัดตั้งบริษัทร่วมทุน โดยจะเป็นงานด้านการรักษาความปลอดภัย งานบริการรักษาความสะอาด และงานบริการช่างและวิศวกรรม
โดยที่เครือโรงพยาบาลสินแพทย์มีโรงพยาบาลในเครือทั้งหมด 15 แห่ง ซึ่งในช่วงแรกจะเข้าไปให้บริการในเครือโรงพยาบาลสินแพทย์ก่อน 6 แห่ง ก่อนจะทยอยเข้าบริการเพิ่มจนครบทั้ง 15 แห่ง ซึ่งในช่วงปีแรกหลังจากจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับโรงพยาบาลสินแพทย์ ตั้งเป้ามีรายได้ในบริษัทร่วมทุนที่ 50 ล้านบาท
นอกจากนี้บริษัทยังมีการศึกษาโอกาสในกชรเข้าไปร่วมลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการงานบริการ งานทำความสะอาด และงานรักษาความปลอดภัย ซึ่งเกี่ยวข้องกับการนำเทคโนโลยีมาใช้ในกทาเสริมศักยภาพให้กับธุรกิจของ LPP ในอนาคต ซึ่งเบื้องต้นได้วางงบลงทุนไว้ 300-500 ล้านบาท ในการนำเงินไปต่อยอดการร่วมลงทุนในธุรกิจด้านเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการบริหารงานอาคาร ซึ่งเกณฑ์ในการลงทุนนั้นคาดหวังผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) ไม่ต่ำกว่า 15%
ขณะเดียวกันธุรกิจบริการด้านวิศวกรรมนั้นยังได้มีการขยายการให้บริการในการเป็นที่ปรึกษาในการพัฒนาที่ดินให้กับเจ้าของที่ดินเข้ามาเพิ่มเติม ซึ่งเพิ่งเปิดบริการดังกล่าวไปเมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา โดยที่มีลูกค้าที่เป็นเจ้าของที่ดินเข้ามาติดต่อในการให้บริษัทเข้ามาเป็นที่ปรึกษาในการศึกษาโอกาสพัฒนาที่ดินของเจ้าของที่ดินนั้นๆ ซึ่งปัจจุบันมีลูกค้าที่ตัดสินใจว่าจ้างบริษัทให้เป็นที่ปรึกษาแล้ว 3 ราย และอยู่ระหว่างการเจรจาอีก 2 ราย โดยที่ที่ดินของเจ้าของรายหนึ่งที่บริษัทได้รับมอบหมายในการเป็นที่ปรึกษาแล้วนั้นเป็นที่ดินย่านเทพารักษ์ จ.สมุทรปราการ ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาโอกาสและแนวทางการพัฒนาที่ดินดังกล่าวให้กับลูกค้า
ด้านธุรกิจหลักของบริษัท คือ ธุรกิจบริหารชุมชน ซึ่งปัจจุบันมีการบริหารชุมชนทั้งหมด 234 โครงการ แบ่งเป็น โครงการในเครือ LPN สัดส่วน 70% โครงการของผู้ประกอบการรายอื่น สัดส่วน 30% ซึ่งได้มีลูกค้าจากผู้ประกอบการอื่นที่ไว้วางใจให้บริษัทเข้ามาบริหารเพิ่มเติม เช่น โครงการของบมจ. อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ (ANAN) ที่บริหารอยู่ 13 โครงการ โครงการของบมจ.ศุภาลัย (SPALI) ที่บริหารให้กับเจ้าของร่วมอยู่ 7 โครงการ และโครงการของบมจ.แลนด์แอนด์เฮ้าส์ (LH) ที่บริหารให้กับผู้ประกอบการและนิติบุคคล 4 โครงการ ซึ่งยังคงมีลูกค้าต่อสัญญาในการบริหารชุมชนมาอย่างต่อเนื่อง
สำหรับผลการดำเนินงานของ LPP ในปี 65 มั่นใจทำได้ตามเป้าหมายที่ 1.2 พันล้านบาท หรือเติบโต 40% จากปีก่อน และคาดว่าจะมีกำไรที่ 100 ล้านบาท โดยในช่วงครึ่งปีแรกที่ผ่านมา LPP มีรายได้อยู่ที่ 472 ล้านบาท และมีกำไรอยู่ที่ 60 ล้านบาท พร้อมกับวางแผนผลการดำเนินงานเติบโตเฉลี่ยปีละ 30% หลังจากปี 65 เป็นต้นไป เพื่อเตรียมตัวในการเข้าตตลาดหลักทรัพยฯ ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างรอการพิจารณาจากคณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) ในการขออนุมัติให้นำ LPP เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งจะช่วยสร้างการเติบโตให้กับ LPP ในการระดมทุนนำเงินไปใช้ในการขยายงานบริการ และสร้างมูลค่าให้กับ LPN ซึ่งเป็นบริษัทแม่ โดยคาดว่าอย่างเร็วที่สุดหากบอร์ดอนุมัติในช่วงครึ่งปีหลังของปี 65 จะสามารถนำ LPP เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯได้ภายในปี 66 หรืออย่างช้าภายในปี 67 ซึ่งเป็นไปตามแผนงานของบริษัทที่วางไว้