นายวีระพงค์ ลือสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.พีรพัฒน์ เทคโนโลยี (PRAPAT) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายการเติบโตในช่วงครึ่งปีหลังของปี 65 เพิ่มขึ้นอีก 30% โดยยังคงได้รับอานิสงส์อย่างต่อเนื่องจากการเปิดประเทศของรัฐบาล เพราะเมื่อนักท่องเที่ยวสามารถบินเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยได้ ธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร สายการบิน โรงงานอุตสาหกรรมอาหาร โรงพยาบาล และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น ต่างเตรียมแผนต้อนรับอย่างเต็มที่ ดังนั้นสินค้าของบริษัทฯ ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์น้ำยาทำความสะอาด ผลิตภัณฑ์เครื่องล้างจานอัตโนมัติ ผลิตภัณฑ์หุ่นยนต์ทำความสะอาด ฯลฯ จึงเป็นที่ต้องการของกลุ่มธุรกิจดังกล่าว และมีการสั่งซื้อเข้ามาเป็นจำนวนมาก ซึ่งจะเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวไทยได้อีกทางหนึ่งด้วย
ขณะที่ภาพรวมของเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวและสถานการณ์โควิด 19 ทั่วประเทศมีแนวโน้มดีขึ้น ทำให้ลูกค้าบริษัทฯ ซึ่งอยู่ในกลุ่มธุรกิจร้านอาหารและโรงแรม เริ่มมีออเดอร์เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับรัฐบาลประกาศเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ จึงได้รับอานิสงส์ไปด้วย ทั้งนี้ กลุ่มลูกค้ายังมีความเชื่อมั่นต่อผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ เพิ่มขึ้น โดยมียอดสั่งซื้อเข้ามาทั้งในประเทศและต่างประเทศ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเตรียมแผนร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจในประเทศเวียดนาม และจัดหาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เข้ามาอีก เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนว่า บริษัทฯ พร้อมเติบโตไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน
บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าเตรียมงบลงทุนสำหรับการส่งเสริมการขายและการขยายตลาดในประเทศอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการผลิตสินค้าและการให้บริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น สอดคล้องแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์กรสหประชาชาติ (Sustainable Development Goals - SDGs) และแผนพัฒนาธุรกิจของบริษัทฯ รวมถึงธุรกิจขยายการลงทุนในกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา สปป.ลาว เมียนมา และเวียดนาม) เพื่อขับเคลื่อน PRAPAT ให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง พร้อมเดินหน้าสู่เป้าหมายการเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี Cleaning Hygiene Solutions ของอาเซียน ภายใน 5 ปีข้างหน้า
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (ECO GREEN) จำนวน 3 เครื่อง ได้แก่ 1. FEED AUTOMATION (เครื่องจ่ายน้ำยาอัตโนมัติ) ในสระว่ายน้ำ ที่สามารถทำงานแทนมนุษย์ได้ โดยสามารถควบคุม สารฆ่าเชื้อโรค ความเป็น กรด-ด่าง ให้ได้ตามมาตรฐานตลอดเวลา เพื่อป้องกันการติดเชื้อโรคต่างๆ อันเนื่องจากสารฆ่าเชื้อโรคที่น้อยเกินไป หรือเกิดอาการแพ้จากสารเคมีที่มากเกินไป และยังสามารถสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าในการแสดงค่าเคมีต่างๆในสระว่ายน้ำได้ในจอมือถือผ่านแอพพลิเคชั่น หรือผ่านหน้าจอ LED โดยมีราคาจำหน่ายเริ่มต้นเครื่องละ 50,000 บาท และยังมีการให้เช่าราคาเริ่มต้น 5,000 บาทต่อเดือน เพื่อช่วยควบคุมค่าใช้จ่ายการบำรุงรักษาสระว่ายน้ำให้แก่ลูกค้า
2. ผลิตภัณฑ์เครื่องครัว โดยมีกลุ่มเป้าหมาย คือ โรงแรม ร้านอาหาร และโรงงานอุตสาหกรรม และ 3. ผลิตภัณฑ์เครื่องล้างทำความสะอาดในร้านอาหาร ภัตตาคาร รวมไปถึงในโรงงานอุตสาหกรรม โดยมีแผนเปิดตัวผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ในช่วงไตรมาส 3/65 โดยจะเน้นเทคโนโลยีทันสมัย ระบบหน้าจอทัชสกรีน และประหยัดพลังงาน ที่สำคัญต้องเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
"ปัจจุบันเรามีโชว์รูมและตัวแทนจำหน่าย (ดีลเลอร์) เกือบ 30 สาขาแล้ว และในช่วงไตรมาส 3/65 นี้ จะทำการเปิดโชว์รูมเพิ่มอีก 1 แห่ง ที่จังหวัดกาญจนบุรี เพื่อสอดรับกับยอดการสั่งซื้อสินค้าและผลิตภัณฑ์เข้ามาอย่างต่อเนื่อง ตลอดจนบริการหลังการขายที่ดี เพื่อผลักดันยอดขายและกำไรให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้" นายวีระพงค์ กล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 1/65 สิ้นสุดวันที่ 31 มี.ค.65 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการรวม 204.67 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.15 ล้านบาท หรือ 6.87% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา หลังเกิดการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา หรือ โควิด-19 ทำให้ความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์น้ำยาทำความสะอาดและฆ่าเชื้อเพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้บริษัทฯ มียอดขายเพิ่มขึ้น และมีกำไรสุทธิ 1.42 ล้านบาท
"แม้ว่าช่วงครึ่งปีแรกของปี 65 จะประสบปัญหาหลายๆ ด้าน แต่บริษัทยังสามารถฝ่าวิกฤตต่างๆมาได้ ส่งผลให้ยอดขายสินค้าของบริษัทฯ เติบโตขึ้น 17% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา สาเหตุหลักก็มาจากการปรับแผนและเพิ่มกลยุทธ์ให้เข้ากับทุกสถานการณ์ที่เกิดขึ้นให้ได้ เช่น เมื่อเกิดไวรัสโควิด-19 ก็ต้องจัดหาผลิตภัณฑ์น้ำยาทำความสะอาดและฆ่าเชื้อให้แก่ลูกค้าที่เป็นกลุ่มโรงแรมและร้านอาหาร เป็นต้น" นายวีระพงค์ กล่าว