นายธานี มณีนุตร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บมจ.พริ้นซิเพิล แคปิตอล (PRINC) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ยังคงเป้าหมายการเติบโตแบบอนุรักษ์นิยม หรือคาดรายได้ปีนี้จะเติบโตระดับ 20-25% จากปี 64 ที่มีรายได้รวม 5,058.8 ล้านบาท แม้ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/65 จะออกมาโตโดดเด่น
ขณะที่ยังเดินหน้าขยายการลงทุนในธุรกิจโรงพยาบาลตามแผนในปี 65 อีกอย่างน้อย 2-3 แห่ง ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจา มีทั้งรูปแบบ Greenfield และการซื้อกิจการ เน้นการกระจายการลงทุนไปยังพื้นที่เมืองรองที่มีโอกาสทางธุรกิจ ควบคู่กับการพิจารณาอัตราการเข้าถึงบริการสาธารณสุขของคนในพื้นที่นั้นๆร่วมด้วย สอดคล้องกับปณิธานในการเป็นองค์กรที่พัฒนาคนให้มีจิตใจของความเป็นผู้ให้ที่จะร่วมดูแล ทั้งในด้านการสาธารณสุข สังคมชุมชน และสิ่งแวดล้อมตามแนวทาง ESG ซึ่งบริษัทฯ ตั้งเป้าหมายการพัฒนาไปสู่โรงพยาบาลยั่งยืน (Sustainable hospital) ในปี 66 ผลักดันกระบวนการการสร้างการมีส่วนร่วมในการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม ควบคู่กับการพัฒนาอย่างยั่งยืน
สำหรับผลประกอบการของบริษัทฯ ในงวดไตรมาสที่ 2/65 มีรายได้รวม 1,751.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 829.9 ล้านบาท คิดเป็น 90.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ทำให้ครึ่งปีแรก 2565 รายได้รวมอยู่ที่ 3,836.5 ล้านบาท มากกว่าช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาซึ่งอยู่ที่ 1,644.3 ล้านบาท
ทั้งนี้ในไตรมาสที่ 2/65 หากพิจารณาเฉพาะธุรกิจโรงพยาบาลที่มีอยู่เดิม มีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 733.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 87.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา จากทุกโรงพยาบาลมีรายได้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะโรงพยาบาล พริ้นซ์ สุวรรณภูมิ ที่มีรายได้สูงขึ้นถึง 233.4 ล้านบาท (96.0%), โรงพยาบาลพริ้นซ์ ลำพูน 93.6 ล้านบาท (234.2%), โรงพยาบาลวิรัชศิลป์ 56.0 ล้านบาท (100.4%), โรงพยาบาล พริ้นซ์ อุบลราชธานี 38.9 ล้านบาท (182.1%), โรงพยาบาล พริ้นซ์ ศรีสะเกษ 28.0 ล้านบาท (158.5%) เป็นต้น ปัจจัยหลักที่ทำให้มีรายได้หลักที่เพิ่มขึ้นมาจากลูกค้าที่เข้ามาตรวจรักษาตามปกติ และจากการรักษาโควิด-19 ที่ยังคงมีลูกค้าเข้ามารักษาต่อเนื่อง
นอกจากนี้ธุรกิจสถานพยาบาลขนาดย่อม ที่มิใช่โรงพยาบาล ได้แก่ คลินิกใกล้บ้านใกล้ใจ ซึ่งเป็นคลินิกชุมชนอบอุ่นในเครือข่าย สปสช. ร่วมดูแลผู้ป่วยโควิด-19 ในรูปแบบเจอ แจก จบ และให้บริการรักษาพยาบาลอื่นๆ จากปัจจุบันมี 17 สาขา ตั้งเป้า 20 สาขาในปีนี้ ไตรมาสนี้มีรายได้จำนวน 36.4 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา 28.8 ล้านบาท และธุรกิจคลินิกเสริมความงามในนามผิวดีคลินิก ซึ่งเริ่มรับรู้รายได้ไตรมาสที่ 2/65 จากปัจจุบันมี 11 สาขา ตั้งเป้า 14 สาขาในปีนี้
ไตรมาสนี้มีรายได้จำนวน 38.2 ล้านบาท ขณะเดียวกันธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มีรายได้สูงขึ้น 28.7 ล้านบาท คิดเป็น 37.7% เพิ่มขึ้นจากมาตรการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว และจากการที่รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวทั้งต่างประเทศ และในประเทศสูงขึ้น ทำให้ภาพรวมไตรมาสที่ 2/65 กำไรสุทธิ 165.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 170.8 ล้านบาท เติบโต 196.9% เป็นอีกไตรมาสที่กำไรเพียงไตรมาสเดียวมากกว่ากำไรสุทธิที่เกิดขึ้นทั้งปีในงวดปี 2564 ที่มีกำไรสุทธิ 92.9 ล้านบาท
ปัจจัยหลักนอกจากความการร่วมมือกับภาครัฐดูแลรักษาผู้ป่วยในสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา ยังส่งผลให้จำนวนผู้มาใช้บริการทางการแพทย์ประเภท Non Covid-19 พุ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง ยังมีปัจจัยหนุนนักท่องเที่ยวต่างชาติและไทยมีจำนวนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ทั้งธุรกิจโรงพยาบาล และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เติบโตสูงมาก ขณะเดียวกันในปี 65 รับผลดีจากการรับรู้รายได้การเปิดดำเนินงานโรงพยาบาลอีก 2 แห่งในปีที่ผ่านมา คือ โรงพยาบาลพริ้นซ์ ศรีสะเกษ, โรงพยาบาลพริ้นซ์ ลำพูน รวมทั้งการเข้าลงทุนในธุรกิจเสริมความงาม ผิวดีคลินิกในไตรมาสที่ 1/65 ร่วมด้วย
"ในไตรมาสที่ 2/65 ได้ถือว่าเป็นไตรมาสแห่งการขยายธุรกิจของทางบริษัท นอกจากการร่วมดูแลในสถานการณ์การระบาดโควิด-19 ยังขยายธุรกิจทั้งในเชิงลึกโดยเปิดศูนย์การแพทย์และคลินิกเฉพาะทางรักษาโรคที่ซับซ้อนมากขึ้น ได้แก่ การเปิดศูนย์ทางเดินอาหารและตับ, ศูนย์ดูแลหัวใจในโรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ, ศูนย์ดูแลผู้ป่วย NCDs ที่โรงพยาบาลพิษณุเวช อุตรดิตถ์ รวมถึงการพัฒนาศูนย์ตรวจสุขภาพ และการพัฒนากลุ่มผลิตภัณฑ์ Long Covid ในโรงพยาบาลในเครือฯ นอกจากนี้ยังเร่งการขยายธุรกิจในเชิงกว้าง ทั้งการแสวงหาตลาดใหม่ที่มีศักยภาพทั้งในและต่างประเทศ หลังเปิดประเทศและผ่อนปรนมาตรการการข้ามแดน ทำให้กลุ่มผู้เข้ารับบริการชาวต่างชาติที่เข้ารับการรักษาโรงพยาบาลในเครือ มีจำนวนเพิ่มขึ้นมากกว่า 2,000 รายในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา โดยเฉพาะกลุ่มผู้เข้ารับบริการชาวลาว เมียนมาร์ และชาวกัมพูชา กลับเข้ามารับการรักษาที่โรงพยาบาลในเครือหลายแห่ง" นายธานีกล่าว