นายปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.เงินติดล้อ (TIDLOR) เปิดเผยว่า แนวโน้มความต้องการสินเชื่อจำนำทะเบียนรถและการทำประกันภัยในครึ่งปีหลังของปีนี้คาดว่าจะอยู่ในระดับที่ดี โดยเฉพาะช่วงไตรมาสสุดท้ายที่เป็นไฮซีซันของธุรกิจ โดยบริษัทฯ ได้วางเป้าหมายขยายพอร์ตธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถเติบโต 20-25% และเบี้ยประกันวินาศภัยเติบโต 30-35% กลยุทธ์หลักจะมุ่งขยายสาขาเชิงรุกตามแผนงาน ขยายการลงทุนพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจและเข้าถึงการให้บริการแก่ลูกค้าได้ดีขึ้น รวมถึงทดสอบผลิตภัณฑ์สินเชื่อและประกันภัยใหม่ๆ
ส่วนความกังวลต่ออัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วงขาขึ้น บริษัทฯ มุ่งเน้นการบริหารจัดการอย่างประสิทธิภาพเพื่อให้มีต้นทุนทางการเงินอยู่ในระดับต่ำ โดยเมื่อเดือนเม.ย.ที่ผ่านมาได้ออกหุ้นกู้ล็อตใหญ่วงเงินรวม 8,300 ล้านบาท ซึ่งเป็นช่วงที่อัตราดอกเบี้ยยังไม่ได้ปรับขึ้นมากนัก จึงมีต้นทุนดอกเบี้ยที่ค่อนข้างต่ำ ในขณะที่วงเงินกู้ยืมและหุ้นกู้ทั้งหมดในปัจจุบัน เป็นการกู้ยืมแบบอัตราดอกเบี้ยคงที่ จึงไม่ถูกผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น นอกจากนี้บริษัทฯ มีวงเงินกู้จากสถาบันการเงินภายในประเทศและต่างประเทศที่เพียงพอ เพื่อนำมาใช้ขยายธุรกิจและเป็นเงินทุนหมุนเวียน ตอกย้ำถึงความแข็งแกร่งด้านฐานะการเงินและความพร้อมด้านเงินทุน
ด้านภาพรวมผลการดำเนินงานไตรมาส 2/65 เติบโตอย่างแข็งแกร่งในระดับที่น่าพอใจ และทำสถิติสูงสุดใหม่ (นิวไฮ) ทั้งรายได้และกำไรอย่างต่อเนื่อง จากการขยายตัวของพอร์ตสินเชื่อจำนำทะเบียนรถและรายได้ดอกเบี้ยรับ รวมถึงรายได้จากค่าธรรมเนียมนายหน้าประกันภัยที่เพิ่มขึ้น หลังจากผู้ประกอบการคลายความกังวลต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในประเทศไทย และการเดินหน้าเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบส่งผลดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวเริ่มฟื้นตัว จึงมีความต้องการเงินทุนเพื่อเปิดกิจการหรือเสริมสภาพคล่องรับโอกาสทางธุรกิจ นอกจากนี้ การเดินทางด้วยรถส่วนบุคคลที่กลับมาเป็นปกติหลังจากผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ส่งผลให้เกิดความต้องการซื้อประกันภัยรถที่เพิ่มขึ้น
สำหรับไตรมาส 2/65 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 981 ล้านบาท เติบโต 26% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 4% จากไตรมาสก่อนหน้า และมีรายได้รวม 3,616 ล้านบาท เติบโต 24% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 8% จากไตรมาสก่อนหน้า ส่งผลให้ภาพรวมครึ่งปีแรกของปีนี้ มีกำไรสุทธิ 1,921 ล้านบาท เติบโต 23% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ อัตราส่วนค่าใช้จ่ายการดำเนินงานต่อรายได้รวม (Cost to Income Ratio) ปรับลดลง เนื่องจากรายได้เติบโตสูงกว่าค่าใช้จ่าย และมีต้นทุนทางการเงินลดลง จากการที่บริษัทฯ ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ระดับ A ซึ่งแข็งแกร่งกว่าผู้ประกอบการรายอื่นในอุตสาหกรรมเดียวกัน ขณะที่ความคืบหน้าการออก "บัตรติดล้อ" ณ สิ้นไตรมาส 2/65 ได้ออกบัตรแล้วทั้งสิ้นเกือบ 400,000 ใบ คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 50% ของจำนวนพอร์ตสินเชื่อที่ทำสัญญากับลูกค่า เพิ่มขึ้นจากสิ้นไตรมาส 1/65 อยู่ที่กว่า 330,000 ใบ เป็นผลจากความสำเร็จของแคมเปญบัตรติดล้อในเดือนมี.ค.-พ.ค.ที่ผ่านมา
การขยายสาขาทำได้รวดเร็วกว่าเป้าหมาย โดยช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้เปิดสาขาใหม่เพิ่มอีก 198 สาขา จากเป้าหมายทั้งปี 300 สาขา ส่งผลให้ ณ สิ้นไตรมาส 2/65 มีสาขาที่ให้บริการรวม 1,484 สาขา สำหรับอัตราเอ็นพีแอลเพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาสก่อนหน้าสอดคล้องกับทิศทางของภาพรวมอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตามอัตราเอ็นพีแอลของบริษัทฯ ยังคงอยู่ในระดับต่ำและอยู่ในระดับเดียวกับที่บริษัทฯได้คาดการณ์ไว้