นายโรเบิร์ต โดบริค ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการ บมจ.สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง (SPRC) เปิดเผยว่า ผลประกอบการและผลดำเนินงานทางด้านการเงิน ไตรมาสที่ 2/65 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 206 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (7,156 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า 48 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (1,872 ล้านบาท) ซึ่งนอกเหนือจากประเด็นเรื่องราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้นจนเป็นผลให้บริษัทฯ มีกำไรจากสต๊อกน้ำมันแล้ว ค่าการกลั่นก็ปรับตัวดีขึ้น ซึ่งมีปัจจัยหลักจากกลไกอุปสงค์อุปทานน้ำมันในตลาดโลก โดยความขัดแย้งระหว่างยูเครน-รัสเซียและมาตรการคว่ำบาตรน้ำมันจากรัสเซียของอียูส่งผลให้อุปทานในผลิตภัณฑ์น้ำมันตึงตัว การผ่อนคลายมาตรการการเดินทางในช่วงโควิด-19 ในหลายประเทศก็ทำให้ความต้องการใช้น้ำมันเพิ่มสูงขึ้นด้วย
ในประเทศไทยเอง การฟื้นตัวในภาคการผลิตและอุตสาหกรรมเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยหนุนให้อุปสงค์น้ำมันดีเซลเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ส่วนต่างของราคาน้ำมันสำเร็จรูปกับน้ำมันดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผลิตภัณฑ์น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานและน้ำมันดีเซล ซึ่งส่วนใหญ่มาจากข้อจำกัดด้านอุปทาน ส่งผลให้ค่าการกลั่นตลาดของ SPRC เพิ่มขึ้นจาก 8.46 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ในไตรมาสที่ 1/2565 เป็น 18.92 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลในไตรมาสที่ 2/65
ที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในอัตรา 0.96 บาทต่อหุ้น โดยจะกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (record date) ในวันพฤหัสบดีที่ 25 ส.ค.65 และกำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันพฤหัสบดีที่ 8 ก.ย.65
นายโรเบิร์ต โดบริค กล่าวว่า SPRC ยังคงมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ตลอดห่วงโซ่คุณค่า เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับผู้ถือหุ้นทุกภาคส่วน และเตรียมพร้อมในการก้าวสู่การเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานและสร้างความยั่งยืนทางธุรกิจ เพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์ของบริษัทฯ ครอบครัวแห่งความห่วงใย...ร่วมสร้างพลัง เพื่อขับเคลื่อนอนาคตของเราได้