นายวีรสิทธิ์ สินเจริญกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่และกรรมการบริหาร บมจ. ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี (STA) เปิดเผยว่า ในไตรมาส 2/65 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการ 27,973 ล้านบาท ลดลง 0.1% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ที่มีรายได้จากการขายและบริการ 28,000 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 1,142 ล้านบาท ลดลง 24.3% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ที่มีกำไรสุทธิ 1,509 ล้านบาท โดยธุรกิจยางธรรมชาติยังคงมีรายได้และปริมาณการขายสินค้าเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตามรายได้จากการขายและบริการรวมถึงกำไรสุทธิดังกล่าว ชะลอตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากธุรกิจถุงมือยางที่ดำเนินงานภายใต้ บมจ.ศรีตรังโกลฟส์ (ประเทศไทย) หรือ STGT ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ มีรายได้ลดลงจากการอ่อนตัวของราคาขายตามการคลายความกังวลต่อสถานการณ์โรคโควิด-19
ขณะที่ภาพรวมผลการดำเนินงาน 6 เดือนแรกปี 65 มีรายได้จากการขายและบริการรวม 55,973 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 2,651 ล้านบาท ชะลอตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สำหรับธุรกิจยางธรรมชาติมีรายได้และปริมาณการขายสินค้าเพิ่มขึ้น เนื่องจากการขยายตลาดและเพิ่มกำลังการผลิตยางธรรมชาติในโรงงาน 4 แห่ง แล้วเสร็จในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ ส่งผลให้มีกำลังการผลิตรวมเพิ่มขึ้นอีก 280,320 ตันต่อปี ประกอบด้วย การขยายกำลังการผลิตยางแท่งที่โรงงานพิษณุโลกและโรงงานสกลนครรวม 140,160 ตันต่อปี การขยายกำลังการผลิตยางแท่งที่โรงงานบึงกาฬ และโรงงานน้ำยางข้นอีกรวม 140,160 ตันต่อปี เพื่อให้เพียงพอต่อการรองรับดีมานด์ที่เปลี่ยนมาจากอินโดนีเซีย ที่ประสบปัญหาซัพพลายที่ลดลงอย่างต่อเนื่องจากโรคใบร่วงในต้นยาง
"โดยภาพรวมครึ่งปีแรกของปีนี้ บริษัทฯ สามารถรักษาอัตราการเดินเครื่องจักรได้ดี เฉลี่ยอยู่ในระดับ 70 - 80% ของกำลังการผลิตรวม ส่งผลดีต่อต้นทุนการผลิตสินค้าที่อยู่ในระดับต่ำและสามารถใช้งานเครื่องจักรได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนธุรกิจถุงมือยางที่ดำเนินการภายใต้บริษัทในเครือ ได้พัฒนาสินค้าใหม่ที่เป็นนวัตกรรมเพื่อสร้างความแตกต่างและตอบสนองเทรนด์ด้านสิ่งแวดล้อม โดยเน้นไปที่ถุงมือยางธรรมชาติที่ย่อยสลายได้ง่ายกว่ายางสังเคราะห์ โดยผลิตภัณฑ์ใหม่เริ่มวางจำหน่ายแล้วในปีนี้ ได้แก่ ถุงมือยางธรรมชาติชนิด Non Detectable Protein ที่มีคุณสมบัติลดการเกิดโปรตีนที่ก่อให้เกิดการแพ้บางประเภท และวางจำหน่ายถุงมือผ่าตัดเพิ่มเติมในไตรมาส 4 ปีนี้ " นายวีรสิทธิ์ กล่าว
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ยังคงเป้าหมายปริมาณการขายยางธรรมชาติทุกประเภทในปีนี้ที่ 1.6 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนประมาณ 300,000 ตัน หรือกว่า 20% โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากกำลังการผลิตใหม่ที่เพิ่มขึ้นในช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งพร้อมเดินเครื่องจักรอย่างเต็มที่
นอกจากนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างขยายกำลังการผลิตน้ำยางข้นอีก 2 แห่ง ที่โรงงานนราธิวาสและโรงงานสุราษฎร์ธานี จะทยอยแล้วเสร็จในไตรมาส 3 และ 4 ของปีนี้ จะมีกำลังการผลิตน้ำยางข้นจากโรงงาน 2 แห่ง เพิ่มขึ้นอีก 131,400 ตันต่อปี ซึ่งจะส่งผลดีต่อการเพิ่มยอดขายครึ่งปีหลังและในปีหน้า
"แนวโน้มดีมานด์ในอุตสาหกรรมยางธรรมชาติครึ่งปีหลัง สำหรับความต้องการใช้สินค้าจากจีนยังคงต้องติดตามการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ปัญหาขาดแคลนชิปในอุตสาหกรรมยานยนต์และปริมาณซัพพลายในประเทศ ซึ่งจะมีผลต่อดีมานด์ยางเพื่อใช้ผลิตยางล้อและทิศทางราคายางธรรมชาติ"