บมจ.เอเชียน มารีน เซอร์วิสส์(ASIMAR)คาดว่ารายได้ในปี 51 จะเติบโตในระดับ 50% เพิ่มเป็น 1,050 ล้านบาท จากที่มีรายได้ 670 ล้านบาทในปี 50 แต่อัตรากำไรขั้นต้นอาจจะลดลงมาที่ 15-17% จาก 17% ในปีก่อน เนื่องจากบริษัทรับงานต่อเรือมากขึ้น ซึ่งเป็นงานที่มีมาร์จิ้นต่ำกว่างานซ่อมเรือ
และคาดว่ากำไรสุทธิของบริษัทในปีนี้จะสูงกว่าปีก่อนที่มี 18.4 ล้านบาท
สำหรับความเสี่ยงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนนั้น บริษัทได้บริหารความเสี่ยงโดยหลีกเลี่ยงรับเงินดอลลาร์สหรัฐ โดยรับเป็นเงินบาท เงินเหรียญสิงคโปร์ หรือ เงินยูโรแทน รวมทั้งวัสุดุก่อสร้างจะซื้อล่วงหน้าหลังได้งานทันที โดยเฉพาะเหล็กที่ราคามีแนวโน้มสูงขึ้น
"มาร์จิ้นปีนี้อาจจะ drop ลงกว่าปีที่แล้วเป็นไปตาม nature ของธุรกิจ"นางวรวรรณ งานทวี กรรมการผู้จัดการ ASIMAR กล่าว
ดังนั้น ในปีนี้ สัดส่วนรายได้จากการต่อเรือจะเพิ่มมาเป็น 65% จากปีก่อนที่มีสัดส่วน 30% ขณะที่งานซ่อมเรือก็ลดสัดส่วนเหลือ 35%
อย่างไรก็ตามบริษัทจะรับงานต่อเรือในสัดส่วนมากสุดที่ 80% เพราะงานซ่อมเรือมองว่ายังถือเป็นธุรกิจหลักของบริษัทอยู่ และยังให้มาร์จิ้นดีกว่า หรือประมาณ 20% ขึ้นไป ขณะที่งานต่อเรือมีมาร์จิ้นประมาณ 10-15%
ทั้งนี้ บริษัทจะมีรายได้จากต่อเรือใหม่ 2 ลำ เป็นเรือซัพพอร์ตงานแท่นขุดเจาะ โดยรับรู้รายได้สัดส่วน 80% ของมูลค่างาน ประมาณ 500 ล้านบาท และรับรู้รายได้จากเรือคอนเทนเนอร์ "GATI" ที่เหลืออีก 100 ล้านบาท
และขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างเจรจารับต่อเรือจำนวน 2 ลำ มูลค่าลำละ 20-25 ล้านเหรียญสหรัฐ คาดว่าจะรับรู้รายได้ราวปลายปีบางส่วน
นางวรวรรณ กล่าวว่า จากความต้องการเรือในตลาดโลกยังคงมีต่อเนื่อง รวมทั้ง มีเรือเก่าที่จะหมดอายุการใช้งานในช่วงปีนี้และปีหน้าจำนวนกว่า 100 ลำ ที่ต้องหาเรือใหม่ทดแทน และ ความต้องการเรือขนส่งพลังงานทดแทน เช่น ปาล์มน้ำมัน มากขึ้น ประกอบกับมีการเปลี่ยนแปลงกฎระเบียบให้ดัดแปลงเปลือกแรกเป็น 2 ชั้นจากชั้นเดียว เพื่อป้องกันสิ่งแวดล้อม ทำให้เป็นโอกาสที่บริษัทจะรับงานต่อเรือเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตามก็คาดว่าในปีนี้ จะได้รับการว่าจ้างต่อเรือ 1-2 ลำ และปีหน้าก็จะยิ่งมีโอกาสมากขึ้น
นอกจากนี้ บริษัท ยังมีความร่วมมือกับอู่ต่อเรือ"ซาซากิ" ของญี่ปุ่นที่เข้ามาอบรมพนักงานด้านการต่อเรือ ซึ่งขณะนี้มีความพร้อมแล้ว และอยู่ระหว่างการเจรจาที่จะรับงานต่อเรือต่อจากอู่เรือ"ซาซากิ" โดยมีแนวโน้มจะเป็นการต่อเรือเพื่อรองรับสินค้าพลังงานทดแทน เช่น ปาล์ม เป็นต้น
"สิ่งที่ได้มาปีนี้เป็นเหมือนใบเบิกทาง เป็นการสร้างแบรนด์สินค้า ชื่อ ASIMAR ให้เขารู้จัก และเราก็มีออเดอร์ต่อเนื่อง" นางวรวรรณ กล่าว
สำหรับปีนี้ บริษัทตั้งงบลงทุน จำนวน 40 ล้านบาท ใช้ปรับปรุงเครื่องจักรเพื่อให้มีประสิทธิภาพในการทำงานได้รวดเร็วขึ้น และเป็นการปรับปรุงเพื่อรองรับงานของอู่ญีปุ่น
ทั้งนี้ ในปี 51 อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนของบริษัทก็ยังคงทรงตัวอยู่ที่ 2 เท่า เนื่องจากเกิดจากหนี้สินหมุนเวียน หรือเจ้าหนี้การค้า ที่เกิดจากการสั่งซื้อเครื่องจักรเพื่อต่อเรือ
--อินโฟเควสท์ โดย เสาวลักษณ์ อวยพร/ศศิธร/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--