(เพิ่มเติม) KEST ดึงมือดีเสริมทัพทีม IB ปูทางเทียบชั้นเบอร์หนึ่ง/มีดีลในมือ 20 ราย

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday March 26, 2008 13:01 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          บล.กิมเอ็ง(KEST)จัดทัพใหม่งานด้านวาณิชธนกิจ(IB)วางเป้าหมายเทียบชั้นอันดับหนึ่งในตลาดภายใน 3 ปี เบื้องต้นปีนี้อย่างน้อยฟื้นรายได้ให้กลับมาเท่ากับปี 49 หลังจากปีก่อนลดลงกว่าครึ่ง เผยมีดีลในมือแล้วราว 20 ราย แนะลูกค้าช่วงตลาดผันผวนและหุ้น IPO ไม่คึกคักเป็นโอกาสดีออกหุ้นกู้ควบวอร์แรนต์ และการควบรวมกิจการ ขณะที่ด้านหลักทรัพย์ยังมุ่งรักษาแชมป์มาร์เก็ตแชร์อันดับ 1 ในปีนี้
นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร KEST เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้แต่งตั้งนายบุญชัย ศรีปรัชญาอนันต์ อดีต CEO บล.เคทีบี ให้ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ ดูแลสายงานวาณิชธนกิจตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2551 ที่ผ่านมา
“การที่คุณบุญชัยเข้ามาร่วมงานกับบริษัทฯจะเป็นการนำทีมวาณิชธนกิจของกิมเอ็งให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น พร้อมด้วยทีมงานด้านวาณิชมืออาชีพอีก 3 ทีมงานใหญ่ๆ ภายใต้การนำของผู้บริหารทีมอีก 3 ท่าน ได้แก่ นายทวีสิทธิ์ สันตติกุล ผู้อำนวยการอาวุโส นางวันทนา เพชรฤกษ์วงศ์ ผู้อำนวยการอาวุโส และนายพงศานติ์ คล่องวัฒนกิจ ผู้อำนวยการอาวุโส เพื่อเพิ่มช่องทางการขยายโอกาสทางธุรกิจการและเพิ่มขีดความสามารถในการบริการลูกค้าให้ดีที่สุด"นายมนตรี กล่าว
นายมนตรี กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้ด้าน IB เพิ่มขึ้นเป็น 6-8% ให้เท่ากับปี 49 ที่มีรายได้ประมาณ 60 ล้านบาท หลังจากที่ปี 50 สัดส่วนรายได้ลดลงไปอยู่ในระดับ 4% หรือทำรายได้ประมาณ 25 ล้านบาทเท่านั้น เนื่องจากภาวะตลาดรวมไม่เอื้อต่อธุรกิจ IB
สำหรับปีนี้ในภาวะที่ตลาดหุ้นมีความผันผวนและการเสนอขายหุ้น IPO ยังไม่คึกคัก บริษัทมองว่าปีนี้น่าจะเป็นโอกาสที่ดีสำหรับการออกตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุน ประเภทหุ้นกู้ควบวอร์แรนต์ เนื่องจากนักกลงทุนต้องการผลตอบแทนสูง และสามารถป้องกันความเสี่ยงในช่วงหุ้นขาลงได้ด้วย ซึ่งจากที่ได้หรือกับลูกค้าหลายรายก็แสดงสนใจออกตราสารประเภทนี้
ด้านนายบุญชัย กล่าวว่า หลังจากที่เข้ามารับงานด้าน IB ได้วางเป้าหมายว่าภายใน 3 ปีจะพัฒนางาน IB ของกิมเอ็งด้วยการเน้นคุณภาพการบริการ เพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ และหาลูกค้าที่มีศักยภาพในอนาคต ไม่ต่างจากอันดับ 1 ซึ่งปีนี้น่าจะเป็นปีที่เปิดสำหรับงานด้าน IB โดยเฉพาะการควบรวมกิจการ เพราะ 2 ปีที่ผ่านมาทุกคนรอดูความชัดเจนของสถานการณ์บ้านเมือง และขณะนี้หลายรายเริ่มเข้ามาหารือบ้างแล้ว รวมทั้งด้าน IPO ก็เริ่มเห็นแนวโน้มกลับเข้ามา
ปัจจุบัน KEST มีงาน IB ทุกประเภทในมือทั้งหมด 20 ดีล
ขณะที่นายมนตรี กล่าวอีกว่า ในด้านธุรกิจหลักทรัพย์ในปีนี้บริษัทยังตั้งเป้าหมายครองส่วนแบ่งตลาด(มาร์เก็ตแชร์)อันดับ 1 อย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะมีมาร์เก็ตแชร์ที่ 8-9% จาก 8.1% ในปี 50 ซึ่งในช่วงเดือน ก.พ.มาร์เก็ตแชร์ของบริษัทอยู่ที่ 8% ห่างจากอันดับ 2 ที่อยู่ในระดับ 5% ขณะที่คาดว่ามูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยในปีนี้น่าจะอยู่ที่ 1.8-2.0 หมื่นล้านบาท/วันสูงขึ้นกว่าปีก่อน โดยจะเห็นว่าจากต้นปีจนถึงปัจจุบันมีการเทรดคึกคักขึ้น เฉลี่ยอยู่ที่ 1.8-1.9 หมื่นล้านบาท/วัน
"ฐานลูกค้าของบริษัทมีจำนวนมากและยังสามารถรักษาฐานลูกค้าไว้ได้ อย่างไรก็ตาม ยังเป็นเรื่องที่ดีที่ในช่วงภาวะตลาดซบเซา มาร์เก็ตแชร์ปรับลดลงด้วย สะท้อนว่ากิมเอ็งไม่ได้ชักชวนลูกค้าซื้อหุ้นอย่างเดียวโดยไม่ได้ดูภาวะตลาดรวม"นายมนตรี กล่าว
นายมนตรี เปิดเผยว่า บริษัทยังมองหาโอกาสในการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยในสัปดาห์หน้าจะเดินทางไปยังเวียดนามเพื่อร่วมงานเปิดสาขาของบริษัทแม่กิมเอ็งในสิงคโปร์ ซึ่งน่าจะเป็นโอกาสที่ดีในการหาช่องทางเข้าไปทำธุรกิจ IB ด้วย พร้อมกันนั้นจะหารือกับบริษัทแม่เกี่ยวกับความร่วมมือกับทางมิตซูบิชิแบงก์ที่เข้ามาถือหุ้นแล้ว 4% และกำลังจะเพิ่มสัดส่วนหุ้น เพื่อหาแนวทางที่จะได้รับประโยชน์จากความร่วมมือดังกล่าว
สำหรับธุรกิจใหม่ที่บริษัทฯ ได้เตรียมความพร้อมที่คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ภายในปีนี้ ได้แก่ ธุรกิจบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน โดยได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)เรียบร้อยแล้ว เพื่อเสริมบริการของบริษัทฯ ให้ครบวงจรมากขึ้น

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ